รัฐสภา 30 ก.ย.-“อลงกรณ์” ชี้คำวินิจฉัยร่างรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุด เพราะชี้ชัด ขณะเดียวกันยืนยันการทำงานของ สปท.มุ่งปฏิรูปประเทศ ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ยอมรับการแสดงความเห็นทางการเมืองของสมาชิก เป็นสิทธิของแต่ละคน ชี้การเสนอยุบ สปท. ไม่สมเหตุสมผล แนะให้ดูผลงานเป็นตัวชี้วัด อย่าเหมารวม
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่หนึ่ง กล่าวถึงการวินิจฉัยร่างรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุด ซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีหน้าที่ไปปรับแก้ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ซึ่งส่วนตัวมองว่าคำวินิจฉัยดังกล่าว ก่อให้เกิดความชัดเจนใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ ส.ส.เท่านั้นที่เป็นผู้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีให้รัฐสภาเลือกในทุกกรณีโดย ส.ว.ไม่มีสิทธิเสนอ / รัฐสภามีอำนาจและหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรีตลอดระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรก / การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากนอกบัญชีพรรคการเมืองจะทำได้ต่อเมื่อรัฐสภาไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีจากบัญชีของพรรคการเมืองในรอบแรก แต่ไม่ตัดสิทธิการเสนอชื่อบุคคลในบัญชีพรรคการเมือง
นายอลงกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ยุบ สปท. โดยยืนยันว่า สปท.มุ่งแต่การปฏิรูปบ้านเมือง ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง แต่การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของสมาชิกบางคนก็เป็นสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล ซึ่งได้กำชับให้สมาชิกระบุให้ชัดเจนว่าเป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่พูดในนาม สปท. เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดและกระทบกระเทือนการทำงานและความน่าเชื่อถือของ สปท.โดยรวม ทั้งนี้รัฐบาลได้ทำการปฏิรูปประเทศคืบหน้าไปมากแล้ว และประชาชนส่วนใหญ่แสดงความพึงพอใจในผลงานและความเชื่อถือจากผลการสำรวจความคิดเห็นจากโพลสำนักต่าง ๆ
“ผมยืนยันว่าสมาชิก สปท.ไม่มีวาระซ่อนเร้น หรือหวังลาภยศตำแหน่งใด ๆ ทางการเมืองในอนาคต จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาใจผู้มีอำนาจ เราทุ่มเททำงานเพื่อประเทศชาติเป็นสำคัญ ดังนั้นการเสนอยุบ สปท.เพราะเหตุไอ้ห้อยไอ้โหน จึงไม่สมเหตุสมผล คุณนิพิฏฐ์ควรใช้ผลงานของ สปท.เป็นตัวชี้วัด จะถูกต้องเหมาะสมกว่า ขอให้แยกแยะ อย่าเหมารวม” นายอลงกรณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย