นนทบุรี 18 มี.ค.-พาณิชย์อาจใช้กฎหมายแข่งขันเอาผิดล้งไม่ดี กดราคาชาวสวน เตรียมขายล่วงหน้า 3-4 พันล้าน ดึงห้างเอ็มโอยู 23 มี.ค.นี้
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงแผนงานบริหารจัดการผลไม้ เพื่อลดปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ ซึ่งผลไม้หน้าร้อนสำคัญของไทยที่กำลังออกสู่ตลาดตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมนี้ เช่น ทุเรียน มังคุด ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง เงาะ ส้มโอ มะพร้าว เป็นต้น ว่า เตรียมใช้ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 เพื่อเอาผิดกับพ่อค้ารวบรวมผลไม้เพื่อส่งออก(ล้ง)ที่ไม่ดี มีพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร ทำสัญญาไม่เป็นธรรมและกดราคารับซื้อ หลังจากส่งเจ้าหน้าที่ค้าภายในออกตรวจสอบพฤติกรรมการรับซื้อผลไม้ล่วงหน้าของพ่อค้าในหลายพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออก พบว่าเริ่มเห็นพ่อค้าล้งมีพฤติกรรมเอาเปรียบเกษตร เช่น กดราคา หรือ ทิ้งสัญญาซื้อล่วงหน้าอ้างในเรื่องคุณภาพสินค้า
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กำลังตรวจสอบภายใน ว่าจะใช้กฎหมายใดในการเอาผิด โดยเฉพาะการใช้กฎหมายแข่งขันฯฉบับใหม่ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายนนี้ ในมาตรา 57 วรรค 2 ระบุว่า ห้ามผู้ประกอบการธุรกิจทำการ ใช้อำนาจต่อรองเหนือกว่าที่ไม่เป็นธรรม โดยบีบบังคับผู้ค้า ซึ่งไม่จำเป็นให้ผู้เดือดร้อนมาร้องเรียนเหมือนกฎหมายเดิมเพียงตรวจสอบพบพฤติกรรมทำการค้าไม่เป็นธรรมใช้อำนาจต่อรองเหนือว่าบีบบังคับ ก็สามารถใช้กฎหมายเอาผิดได้เลย โทษมีทั้งปรับร้อยละ 10 ของราคาตลาดในขณะนั้นๆ หรือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ จึงอยากเตือนให้พ่อค้าล้ง เลิกพฤติกรรมเอาเปรียบ เพราะไม่อย่างนั้นคงต้องใช้กฎหมายแข่งขันฉบับใหม่จัดการเป็นคดีแรกๆ
นอกจากนี้ยังมีแผนงานอื่นๆอีก โดยในวันที่ 23 มีนาคมนี้ จะมีการลงนามเอ็มโอยูระหว่างตัวแทนเกษตรกร กับ ห้างค้าปลีกและตลาดรับซื้อผลไม้ 5-7 ราย อาทิ บิ๊กซี แมคโคร ท็อปส์ ตลาดไท เป็นต้น เป็นการเชื่อมโยงตลาดจากสวนผลไม้กระจายถึงผู้บริโภค เบื้องต้นมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าแล้วกว่า 5-6 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่าเกิน 3,000-4,000 ล้านบาท รวมถึงมีแผนผลักดันการส่งออก โดยเฉพาะตลาดจีน
สำหรับสถานการณ์ผลผลิตผลไม้หน้าร้อนไทยปีนี้ กำลังมีการสำรวจผลผลิตรอบใหม่ หลังจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประเมินไว้เมื่อปลายปี 2560 ว่า ปีนี้ผลผลิตโดยรวมจะดีขึ้นจากปีก่อน แต่เนื่องจากอากาศร้อนสลับฝนได้ส่งผลต่อการเติบโตของผลไม้ ซึ่งบางชนิดจะต้องติดดอกในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ แต่ฝนตก ทำให้ไม่ติดดอก อาจกระทบต่อผลผลิต และบางพื้นที่มีการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกมากกว่าที่ได้ประเมินไว้เดิม ก็อาจประสบปัญหาผลผลิตล้นตลาดได้ ดังนั้น ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ประสานขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่เป็นแหล่งผลผลิตจำนวนมาก ดำเนินการประชาสัมพันธ์ไปยังชาวสวนผลไม้ ให้ควบคุมปริมาณผลผลิตและสอดคล้องกับแนวทางที่ทางการประชาสัมพันธ์ไว้ เน้นในเรื่องคุณภาพมากกว่าเร่งเพิ่มปริมาณ โดยขอให้ข้อมูลว่า ภาครัฐจะช่วยในเรื่องการระบายเฉพาะสินค้าเกรดเอและเกรดบี แต่เกรดต่ำจากเร่งผลิตเกินจริง กระทวงพาณิชย์ จะไม่ดูแลในเรื่องการหาตลาดระบายสินค้าให้ ดังนั้น ชาวสวนต้องควบคุมผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดที่เหมาะสม ไม่ผลิตเพราะเห็นแนวโน้มดีอย่างเดียว เพราะหากเร่งกันเพิ่มผลผลิต ราคาก็จะตกลงทันที
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทำแผนผลักดันและเพิ่มจำนวนไทยเรสเตอรอง และตรารับรองไทยซีเล็คท์ (Thai Select) ภายใต้โครงการไทยแลนด์แบรนด์ ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งในการผลักดันอาหารไทยและสินค้าอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักของทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันได้มีการมอบไทยซีเล็คท์ให้กับร้านอาหารไทยในต่างประเทศแล้วมากกว่า 1,000 ราย
อย่างไรก็ตาม จะมีการเน้นผลักดันภาคบริการสู่ตลาดส่งออกผ่านโครงการความร่วมมือต่างๆ เช่น ในเดือนกันยายนนี้ จะจัดพบปะผู้ประกอบการบันเทิงและผลิตภาพยนต์ไทยและจีน หลังจากหนังไทยเรื่องฉลาดเกมส์โกง สามารถทำรายได้ในจีนสูงถึง 1,000 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพของหนังไทยว่า สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในจีนกำลังขยายตัวและเป็นตลาดที่ใหญ่มาก รวมทั้ง รัฐบาลมีนโยบายสร้างความร่วมมือของภาพยนตร์อาเซียนกับจีน-สำนักข่าวไทย