วัยรุ่นภูเก็ตลุยล่าเหรียญ หวังเจอนำไปขึ้นเงินรางวัล

22 ม.ค. – กระแสวัยรุ่น-คนทำงาน ออกตามล่าหาเหรียญ เพื่อแลกเงินรางวัล ผ่านแอปฯ “Jagat coin Hunt” ของอินโดนีเซีย ด้านตำรวจไซเบอร์เตือนการเข้าร่วมกิจกรรมตามล่าหาเหรียญอาจเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก


ที่ จ.ภูเก็ต ตามพื้นที่ต่างๆ ในเขตเทศบาล สวนสาธารณะ ย่านเมืองเก่า มีกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ออกมาเดินหาเหรียญตามพิกัดต่างๆ ที่มีการระบุอยู่ในแอปพลิเคชัน Jagat coin Hunt ซึ่งพบว่ามีผู้เจอ ทำให้หลายคนมีความมั่นใจที่จะค้นหาเหรียญ และคาดหวังเป็นผู้โชคดี หากเจอเหรียญจะได้นำไปขึ้นเป็นเงิน

วัยรุ่นเชียงใหม่ยังล่าเหรียญ แต่น้อยลง ส่วนชาวบ้านไม่ชอบใจ
ที่ จ.เชียงใหม่ ภาพจากกล้องวงจรปิดของบ้านหลังหนึ่งจะเห็นกลุ่มวัยรุ่นตามล่าหาเหรียญ Jagat บริเวณริมถนน และรั้วบ้านอย่างจริงจัง แต่กลายเป็นสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน เพราะไปเหยียบต้นไม้ ปีนรั้วเปรอะเปื้อน เจ้าของบ้านบอกว่าเหตุการณ์เกิดตั้งแต่ 3 วันก่อน ช่วงเย็นเห็นวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์มาหน้าบ้านและหาอะไรบางอย่างอย่างจริงจัง จึงเข้าไปถามและทราบว่ามาตามล่าเหรียญ ก็ไม่ว่าอะไร แต่ยังทยอยมาเรื่อยๆ ถึงดึกดื่น เช่นเดียวกับชาวบ้านในย่านนี้ที่อยากให้เล่นอยู่ในขอบเขต ไม่สร้างความเดือดร้อนและรุกล้ำสิทธิของคนอื่น


ทีมข่าวลงพื้นที่จุดที่ในแอปฯ แจ้งว่ายังมีเหรียญ Jagat อยู่ จากเดิมมี 29 เหรียญ ตอนนี้เหลือ 1-2 เหรียญ พบวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งยังตามหาอยู่ ยอมรับหามา 3-4 วันแล้วแต่ยังไม่ได้ ส่วนที่มีกระแสเตือนให้ระวังทั้งการบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล และแอปฯ ที่ดึงข้อมูลส่วนตัว รู้สึกกังวลและระมัดระวังในการหาเหรียญมากขึ้น

แหล่งท่องเที่ยวเสียหาย จ่อใช้กฎหมายกับผู้บุกรุก
ส่วนที่พัทยา วอเตอร์สเปซ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในเมืองพัทยา ได้รับความเสียหายจากที่มีนักล่าเหรียญเข้ามาค้นหาเหรียญโดยไม่มีการขออนุญาต นอกจากนี้ยังสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน งัดแงะปลั๊กไฟและขับรถจักรยานยนต์ขึ้นบันได ทำให้ปูนแตกและเกิดความเสียหายรุนแรง จึงออกมาตรการห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาในพื้นที่ พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือผลประโยชน์ใดๆ กับแอปฯ ดังกล่าว และเตรียมดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน

ตร.ไซเบอร์เตือนภัยภารกิจล่าเหรียญเสี่ยงติดคุก
ด้านตำรวจไซเบอร์ประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่าการเข้าร่วมกิจกรรมตามล่าหาเหรียญดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงท่านอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและระบุพิกัดตำแหน่งปัจจุบันที่ท่านอยู่ ซึ่งอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเองอีกด้วย จึงขอให้พึงระวังไม่กระทำผิดกฎหมายขณะเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว


แอปฯ ล่าเหรียญ “Jagat”
Jagat แปลว่า “จักรวาล” ในภาษาอินโดนีเซีย เป็นแอปพลิเคชันที่กำลังมาแรงในหมู่วัยรุ่น ด้วยฟีเจอร์เด่นอย่าง “Coin Hunt” ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาเหรียญตามจุดต่างๆ ในสถานที่จริงเพื่อนำไปแลกรางวัลเงินสด แม้จะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2568 ในอินโดนีเซีย แต่แอปฯ นี้กลับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในสื่อโซเชียล โดยเฉพาะบน TikTok ความสำเร็จของ Jagat มาพร้อมกับประเด็นถกเถียงทั้งในแง่ความปลอดภัยและผลกระทบต่อสังคม

Jagat มีความคล้ายคลึงกับเกม Pokémon Go ในแง่ของการใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) แต่จุดเด่นของ Jagat อยู่ที่การตามหา “เหรียญจริง” ซึ่งสามารถนำไปแลกเป็นเงินสด โดยเหรียญที่พบจะมีมูลค่าต่างกัน ตั้งแต่เหรียญทองแดงที่แลกรางวัลได้ 500-2,000 บาท ไปจนถึงเหรียญทองที่มีมูลค่าสูงถึง 200,000 บาท ฟีเจอร์นี้ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากตื่นเต้นและเข้าร่วมกิจกรรมล่าเหรียญในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา เพื่อเข้าร่วมเกม ผู้เล่นต้องสมัครและชำระค่าธรรมเนียมในการเล่น พร้อมทั้งสามารถจ่ายเงินเพิ่มเติมเพื่อซื้อคำใบ้ที่ช่วยให้ค้นหาเหรียญได้ง่ายขึ้น เมื่อพบเหรียญ ผู้เล่นต้องกรอกรหัสในแอปฯ เพื่อรับเงินรางวัล ซึ่งจะโอนเข้าบัญชีภายใน 2-3 วัน ฟีเจอร์นี้สร้างแรงจูงใจให้วัยรุ่นจำนวนมากเข้าร่วมล่าเหรียญอย่างจริงจัง

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ระบุว่าขณะนี้ไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับแอปฯ เกมลักษณะนี้ แต่ สกมช. เฝ้าติดตามและยังไม่มีผู้ร้องเรียนมาแต่อย่างใด

จากการติดตามกระทบขณะนี้บุคคลผู้เล่นอาจไปบุกรุกสถานที่คนอื่น ก่อเรื่องรำคาญเพื่อหาเหรียญ นอกจากนี้ผู้เล่นอาจมีความเสี่ยงเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล เพราะผู้เล่นต้องเปิดโลเกชั่นหรือสถานที่ของของตัวเอง ทำให้ผู้ให้บริการรับทราบความเคลื่อนไหว ในเรื่องนี้ถือเป็นความเสี่ยงของผู้เล่น และเสี่ยงต่อพื้นที่ได้ รวมถึงข้อมูลบัญชีธนาคารที่ใช้รับเงินรางวัล ซึ่งไม่มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลที่ชัดเจน

ขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรื่องการถูกโกงในการเล่นเกม แต่ผู้เล่นจะมีความเสี่ยงเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล ต้องส่งบัญชีการเงินที่ต้องเปิดเผย ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้ออกมาเตือนแล้ว ผู้เล่นควรระมัดระวัง

สคส.จ่อถก ETDA ปม Jagat ล่าเหรียญ เสี่ยงมิจฉาชีพไซเบอร์
พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยอมรับว่าแอปฯ Jagat ล่าเหรียญ มีความเสี่ยงทั้งด้านความปลอดภัยและเสี่ยงถูกดึงเงินจากแอปฯ ธนาคาร เนื่องจากสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ได้ทั้งหมด และเข้าถึง location ของผู้ใช้งาน แต่ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา จึงทำได้เพียงจับตาและเฝ้าระวัง

อย่างไรก็ตาม เตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ที่กำกับดูแล new tech ต่างๆ รวมถึงแอปพลิเคชัน เพื่อตรวจสอบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของแอปฯ พร้อมหารือแนวทางดำเนินงานร่วมในการป้องกันความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้งาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]