วัยรุ่นภูเก็ตลุยล่าเหรียญ หวังเจอนำไปขึ้นเงินรางวัล

22 ม.ค. – กระแสวัยรุ่น-คนทำงาน ออกตามล่าหาเหรียญ เพื่อแลกเงินรางวัล ผ่านแอปฯ “Jagat coin Hunt” ของอินโดนีเซีย ด้านตำรวจไซเบอร์เตือนการเข้าร่วมกิจกรรมตามล่าหาเหรียญอาจเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก


ที่ จ.ภูเก็ต ตามพื้นที่ต่างๆ ในเขตเทศบาล สวนสาธารณะ ย่านเมืองเก่า มีกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ออกมาเดินหาเหรียญตามพิกัดต่างๆ ที่มีการระบุอยู่ในแอปพลิเคชัน Jagat coin Hunt ซึ่งพบว่ามีผู้เจอ ทำให้หลายคนมีความมั่นใจที่จะค้นหาเหรียญ และคาดหวังเป็นผู้โชคดี หากเจอเหรียญจะได้นำไปขึ้นเป็นเงิน

วัยรุ่นเชียงใหม่ยังล่าเหรียญ แต่น้อยลง ส่วนชาวบ้านไม่ชอบใจ
ที่ จ.เชียงใหม่ ภาพจากกล้องวงจรปิดของบ้านหลังหนึ่งจะเห็นกลุ่มวัยรุ่นตามล่าหาเหรียญ Jagat บริเวณริมถนน และรั้วบ้านอย่างจริงจัง แต่กลายเป็นสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน เพราะไปเหยียบต้นไม้ ปีนรั้วเปรอะเปื้อน เจ้าของบ้านบอกว่าเหตุการณ์เกิดตั้งแต่ 3 วันก่อน ช่วงเย็นเห็นวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์มาหน้าบ้านและหาอะไรบางอย่างอย่างจริงจัง จึงเข้าไปถามและทราบว่ามาตามล่าเหรียญ ก็ไม่ว่าอะไร แต่ยังทยอยมาเรื่อยๆ ถึงดึกดื่น เช่นเดียวกับชาวบ้านในย่านนี้ที่อยากให้เล่นอยู่ในขอบเขต ไม่สร้างความเดือดร้อนและรุกล้ำสิทธิของคนอื่น


ทีมข่าวลงพื้นที่จุดที่ในแอปฯ แจ้งว่ายังมีเหรียญ Jagat อยู่ จากเดิมมี 29 เหรียญ ตอนนี้เหลือ 1-2 เหรียญ พบวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งยังตามหาอยู่ ยอมรับหามา 3-4 วันแล้วแต่ยังไม่ได้ ส่วนที่มีกระแสเตือนให้ระวังทั้งการบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล และแอปฯ ที่ดึงข้อมูลส่วนตัว รู้สึกกังวลและระมัดระวังในการหาเหรียญมากขึ้น

แหล่งท่องเที่ยวเสียหาย จ่อใช้กฎหมายกับผู้บุกรุก
ส่วนที่พัทยา วอเตอร์สเปซ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในเมืองพัทยา ได้รับความเสียหายจากที่มีนักล่าเหรียญเข้ามาค้นหาเหรียญโดยไม่มีการขออนุญาต นอกจากนี้ยังสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน งัดแงะปลั๊กไฟและขับรถจักรยานยนต์ขึ้นบันได ทำให้ปูนแตกและเกิดความเสียหายรุนแรง จึงออกมาตรการห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาในพื้นที่ พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือผลประโยชน์ใดๆ กับแอปฯ ดังกล่าว และเตรียมดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน

ตร.ไซเบอร์เตือนภัยภารกิจล่าเหรียญเสี่ยงติดคุก
ด้านตำรวจไซเบอร์ประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่าการเข้าร่วมกิจกรรมตามล่าหาเหรียญดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงท่านอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและระบุพิกัดตำแหน่งปัจจุบันที่ท่านอยู่ ซึ่งอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเองอีกด้วย จึงขอให้พึงระวังไม่กระทำผิดกฎหมายขณะเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว


แอปฯ ล่าเหรียญ “Jagat”
Jagat แปลว่า “จักรวาล” ในภาษาอินโดนีเซีย เป็นแอปพลิเคชันที่กำลังมาแรงในหมู่วัยรุ่น ด้วยฟีเจอร์เด่นอย่าง “Coin Hunt” ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาเหรียญตามจุดต่างๆ ในสถานที่จริงเพื่อนำไปแลกรางวัลเงินสด แม้จะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2568 ในอินโดนีเซีย แต่แอปฯ นี้กลับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในสื่อโซเชียล โดยเฉพาะบน TikTok ความสำเร็จของ Jagat มาพร้อมกับประเด็นถกเถียงทั้งในแง่ความปลอดภัยและผลกระทบต่อสังคม

Jagat มีความคล้ายคลึงกับเกม Pokémon Go ในแง่ของการใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) แต่จุดเด่นของ Jagat อยู่ที่การตามหา “เหรียญจริง” ซึ่งสามารถนำไปแลกเป็นเงินสด โดยเหรียญที่พบจะมีมูลค่าต่างกัน ตั้งแต่เหรียญทองแดงที่แลกรางวัลได้ 500-2,000 บาท ไปจนถึงเหรียญทองที่มีมูลค่าสูงถึง 200,000 บาท ฟีเจอร์นี้ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากตื่นเต้นและเข้าร่วมกิจกรรมล่าเหรียญในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา เพื่อเข้าร่วมเกม ผู้เล่นต้องสมัครและชำระค่าธรรมเนียมในการเล่น พร้อมทั้งสามารถจ่ายเงินเพิ่มเติมเพื่อซื้อคำใบ้ที่ช่วยให้ค้นหาเหรียญได้ง่ายขึ้น เมื่อพบเหรียญ ผู้เล่นต้องกรอกรหัสในแอปฯ เพื่อรับเงินรางวัล ซึ่งจะโอนเข้าบัญชีภายใน 2-3 วัน ฟีเจอร์นี้สร้างแรงจูงใจให้วัยรุ่นจำนวนมากเข้าร่วมล่าเหรียญอย่างจริงจัง

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ระบุว่าขณะนี้ไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับแอปฯ เกมลักษณะนี้ แต่ สกมช. เฝ้าติดตามและยังไม่มีผู้ร้องเรียนมาแต่อย่างใด

จากการติดตามกระทบขณะนี้บุคคลผู้เล่นอาจไปบุกรุกสถานที่คนอื่น ก่อเรื่องรำคาญเพื่อหาเหรียญ นอกจากนี้ผู้เล่นอาจมีความเสี่ยงเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล เพราะผู้เล่นต้องเปิดโลเกชั่นหรือสถานที่ของของตัวเอง ทำให้ผู้ให้บริการรับทราบความเคลื่อนไหว ในเรื่องนี้ถือเป็นความเสี่ยงของผู้เล่น และเสี่ยงต่อพื้นที่ได้ รวมถึงข้อมูลบัญชีธนาคารที่ใช้รับเงินรางวัล ซึ่งไม่มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลที่ชัดเจน

ขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรื่องการถูกโกงในการเล่นเกม แต่ผู้เล่นจะมีความเสี่ยงเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล ต้องส่งบัญชีการเงินที่ต้องเปิดเผย ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้ออกมาเตือนแล้ว ผู้เล่นควรระมัดระวัง

สคส.จ่อถก ETDA ปม Jagat ล่าเหรียญ เสี่ยงมิจฉาชีพไซเบอร์
พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยอมรับว่าแอปฯ Jagat ล่าเหรียญ มีความเสี่ยงทั้งด้านความปลอดภัยและเสี่ยงถูกดึงเงินจากแอปฯ ธนาคาร เนื่องจากสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ได้ทั้งหมด และเข้าถึง location ของผู้ใช้งาน แต่ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา จึงทำได้เพียงจับตาและเฝ้าระวัง

อย่างไรก็ตาม เตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ที่กำกับดูแล new tech ต่างๆ รวมถึงแอปพลิเคชัน เพื่อตรวจสอบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของแอปฯ พร้อมหารือแนวทางดำเนินงานร่วมในการป้องกันความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้งาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]