พรรคประชาธิปัตย์ 26 ก.พ. – องอาจ จี้นายกรัฐมนตรีช่วยดูแลนักศึกษาฝึกงานที่เปิดโปงทุจริตเงินสงเคราะห็ผู้มีรายได้น้อย ไม่ให้ถูกข้าราชการชั่วรวมหัวกันกลั่นแกล้ง รังแก ข่มขู่ คุกคาม
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย และผู้ติดเชื้อเอดส์ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ ที่เรียกว่า “โกงเงินคนจน” ว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ก็เร่งตรวจสอบการทุจริตซึ่งไม่ใช่มีแค่เฉพาะที่จังหวัดขอนแก่นเท่านั้น แต่มีการทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ กระจายออกไปอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับการโกงเงินคนจนที่จังหวัดขอนแก่น ถูกเปิดโปงโดยนักศึกษาฝึกงานที่มีความกล้าหาญ ไม่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ยอมนิ่งเฉยต่อการทุจริตของข้าราชการที่ตนเองกำลังฝึกงานอยู่ด้วย ซึ่งช่วยทำให้มีการตรวจสอบการทุจริตอย่างกว้างขวาง
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ภาครัฐมีมาตรการในการคุ้มครองนักศึกษาฝึกงานที่ออกมาเปิดโปงการทุจริตครั้งนี้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ไม่ควรปล่อยให้นักศึกษาฝึกงานคนนี้ต้องโดดเดี่ยวไปตามลำพัง แต่ควรมีมาตรการและกลไกต่าง ๆ ในการคุ้มครองผู้เปิดโปงการทุจริต รวมทั้งคุ้มครองพยานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อเอาข้าราชการที่โกงเงินคนจนมาลงโทษให้ได้ จึงขอฝากนายกรัฐมนตรีให้ช่วยดูแลนักศึกษาฝึกงานที่ออกมาเปิดโปงการทุจริต ไม่ให้ถูกข้าราชการชั่วรวมหัวกันกลั่นแกล้ง รังแก ข่มขู่ คุกคาม
“ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ควรจะสร้างมาตรการและกลไกในการคุ้มครองผู้กล้าเปิดโปงการทุจริตเป็นพิเศษ เพื่อให้ประชาชนอุ่นใจได้ว่าเมื่อประพฤติตนเป็นพลเมืองดี กล้าชี้เบาะแสทุจริต สามารถใช้ชีวิตตามปกติด้วยความปลอดภัยโดยไม่ถูกข่มขู่คุกคามตามมาภายหลังแต่อย่างใด” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีควรใช้กรณีนักศึกษาฝึกงาน เปิดโปงขบวนการโกงเงินคนจนครั้งนี้เป็นกรณีตัวอย่างในการให้กำลังใจ ส่งเสริมสนับสนุน เช่น อาจจัดตั้งกองทุนเพื่อศึกษาต่อ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำความดี และถือเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเยาวชนคนหนุ่มสาวที่จะกล้าต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ช่วยทำให้สังคมไทยใสสะอาดปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่นในที่สุด .-สำนักข่าวไทย