ทำเนียบฯ 14 ก.พ. – บอร์ดบีโอไอไฟเขียวมาตรการลดผลกระทบด้านแรงงาน มาตรการส่งเสริมภาคการเกษตร พร้อมคลอดประเภทกิจการเป้าหมายในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่อีอีซี
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดบีโอไอ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการเพื่อสนับสนุน การยกระดับความสามารถด้านดิจิทัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการลดผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานและค่าแรงที่ปรับสูงขึ้น โดยให้ปรับปรุงเพิ่มเติมมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยขยายขอบข่ายให้ครอบคลุมถึงการนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัลมาใช้ โดยกิจการจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากโครงการที่ดำเนินการอยู่เดิม เป็นระยะเวลา 3 ปี วงเงินร้อยละ 50 ของมูลค่าเงินลงทุนโดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน และให้ปรับปรุงมาตรการเพื่อความสามารถในการแข่งขัน โดยการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล เช่น ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ชั้นสูง เป็นต้น โดยจะให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มร้อยละ 200 ของเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวข้องจูงใจผู้ประกอบการร่วมมือท้องถิ่น เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการเกษตรอย่างครบวงจร
เพื่อสนับสนุนให้ท้องถิ่นสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตรอย่างครบวงจร และช่วยยกระดับราคาสินค้าเกษตรในประเทศให้สูงขึ้น ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ส่งเสริมการลงทุนในกิจการด้านการเกษตรเป็นกรณีพิเศษ หากยื่นขอรับการส่งเสริมภายในสิ้นปี 2561 โดยผ่อนปรนเงื่อนไขด้านการผลิตง่ายขึ้นและปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับกิจการที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร และกำหนดแนวทางการส่งเสริมออกเป็น 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1 หากเป็นผู้ประกอบการไทยขนาดย่อมลงทุนในกิจการด้านการเกษตรตามที่กำหนดจะผ่อนปรนเงินลงทุนขั้นต่ำของโครงการจาก 1 ล้านบาท เหลือ 500,000 บาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) และผ่อนปรนให้นำเครื่องจักรใช้แล้วในประเทศมาใช้ในโครงการได้บางส่วน โดยจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 5-8 ปี ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 200 ของมูลค่าเงินลงทุนโดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน และกรณีที่ 2 หากเป็นผู้ประกอบการที่สนับสนุนหรือร่วมดำเนินการกับท้องถิ่นลงทุนในกิจการด้านการเกษตรตามที่กำหนด จะต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำของแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท โดยจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปีจากรายได้ของกิจการที่ดำเนินการอยู่เดิมในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 100 ของเงินลงทุนโดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนประกาศกลุ่มประเภทกิจการเป้าหมายใน “เขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมาย” ในพื้นที่อีอีซี
หลังจากบอร์ดอนุมัติมาตรการอีอีซี มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 และประกาศกำหนดประเภทกิจการเป้าหมายสำหรับเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษและนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมทั่วไปแล้ว ครั้งนี้บอร์ดยังได้อนุมัติให้กำหนดกลุ่มประเภทกิจการเป้าหมาย เพื่อรองรับการประกาศเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายของคณะกรรมการนโยบายอีอีซี ซึ่งจะทำให้ประเภทกิจการเป้าหมายสำหรับแต่ละเขตมีผลใช้บังคับทันทีที่คณะกรรมการนโยบายอีอีซีออกประกาศกำหนดเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเป้าหมายประกอบด้วยอุตสาหกรรมเอสเคิร์ฟ (s-Surve) และกิจการสนับสนุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังอนุมัติให้ส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการผลิตเอทานอล 99.5% ของบริษัท อิมเพรส เอทานอล จำกัด (หุ้นไทย และมาเลเซีย) เงินลงทุน 2,970 ล้านบาท เพื่อผลิตเอทานอลปีละประมาณ 109,500,000 ลิตร ซึ่งจะใช้วัตถุดิบในประเทศ ได้แก่ มันสำปะหลัง ปีละ 700,000 ตัน ตั้งอยู่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
ทั้งนี้ ในการประชุมบอร์ดบีโอไอ บีโอไอยังได้เสนอเป้าหมายการยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนปีนี้ โดยเป้าหมายทั้งปีตั้งไว้ที่ 720,000 บาท จากที่ปี 2560 มีการยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม 640,000 ล้านบาท และที่ประชุมได้มอบหมายให้บีโอไอกลับไปจัดทำมาตรการที่จะช่วยสร้างผู้ประกอบการสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ Tech startup และจัดทำแพ็คเกจเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมบางกลุ่มที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายสำคัญของประเทศให้เกิดขึ้น รวมถึงจัดทำชุดมาตรการส่งเสริมกิจการท้องถิ่น เพื่อให้กิจการเหล่านี้เติบโตได้ ซึ่งบีโอไอจะเร่งไปจัดทำมาตรการและนำมาเสนอโดยเร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย