กระทรวงกลาโหม 14ธ.ค.-ประชุมเตรียมมาตรการดูแลความปลอดภัยและความสงบช่วงปีใหม่ เน้นย้ำบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด ให้หน่วยข่าวกรองทำงานเชิงรุก เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง-เชิงสัญญลักษณ์ เมาแล้วขับตรวจแอลกอฮอล์ ยึดรถ
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมเตรียมความพร้อมกำหนดมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชนและมาตรการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนห้วงเทศกาลปีใหม่ ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่า ปี 2559 สถิติการเสียชีวิตกว่า 22,000 คน หรือเฉลี่ย 50-60 คนต่อวัน และเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า1 ล้านคน พิการกว่า 6 หมื่นคน และสถิติ 10 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีการสูญเสียชีวิตกว่า 2 แสนคน ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับ 1 ของการสูญเสียด้วยอุบัติเหตุ ดังนั้น จึงต้องลดความเสี่ยงที่เกิดจากความคึกคะนอง ขาดสติ หลับในรวมถึงความประมาท โดยที่ประชุมได้เตรียมกำหนดมาตรการรณรงค์การตระหนักรู้ เข้าใจในความปลอดภัย และดูแลความมั่นคงในช่วงเทศกาลสิ้นปีที่อาจจะมีการก่อเหตุรุนแรง ซึ่งยังมีอยู่ จึงต้องเฝ้าระวังและป้องปราม ทุกส่วนต้องเตรียมมาตรการรองรับในการดูแลชีวิตและทรัพย์สิน ที่ต้องทำร่วมกันทั้ง 4 ส่วน สื่อภาครัฐประชาชนภาคประชาสังคม(หน่วยงานที่รณรงค์เรื่องการป้องกันอุบัติเหตุ) รวมทั้งสื่อมวลชน
“รองนายกรัฐมนตรีสั่งการให้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุในช่วง 2-3 ปีในพื้นที่เสี่ยง ที่เกิดปัญหาบ่อยครั้ง เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและความไม่สงบในพื้นที่ โดยการบังคับใช้กฎหมาย ประชาสัมพันธ์โดยสั่งให้หน่วยข่าวกรองเพิ่มมาตรการเข้มข้นด้านการข่าวเชิงรุก ที่อาจจะสร้างความเสียหายต่อประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการเคลื่อนย้ายสิ่งผิดกฎหมายและยาเสพติด ให้กระทรวงคมนาคมปรับปรุงซ่อมแซมถนน” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว
พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรเน้นย้ำให้เพิ่มมาตรการความปลอดภัย โดยให้เจ้าหน้าที่มีความตื่นตัว เฝ้าระวังตามจุดเสี่ยง รวมทั้งด้านการคมนาคมให้เข้มงวด ดูแลสถานีขนส่ง ท่าน้ำ ท่าเรือและแหล่งชุมชน โดยเฉพาะพื้นที่ที่จะจัดงานเคาท์ดาวน์และพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ โดยให้ตั้งศูนย์อำนวยการบูรณาการ จัดทำแผนเผชิญเหตุรวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดและไฟส่องสว่างให้พร้อมใช้งานเสมอ พร้อมกันนี้ยังขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งหยุดการเดินรถบรรทุก ให้หลีกเลี่ยงการใช้ถนนเส้นทางหลัก สำหรับกระทรวงมหาดไทยให้เพ่งเล็ง 100 อำเภอเสี่ยง และดูแลด่านตรวจท้องถิ่นและเตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ สำหรับกองทัพ ให้เพิ่มการเฝ้าตรวจชายแดน ป้องกันการลักลอบขนยาเสพติด และตั้งบก.ติดตามสถานการณ์
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการให้ดูแลชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดการ มีมาตรการป้องกันเชิงรุก รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชน และมีจุดพักรถ โดยเน้นให้ตำรวจทุกระดับอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ให้ใช้มาตรการเชิงรุกดำเนินการต่อการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบปัญหา โดยเฉพาะการบิดเบือนข้อมูลในโซเชียลมีเดีย เพิ่มความเข้มงวดติดตามบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้า-ออกประเทศ เสนอให้รัฐบาลยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนให้เป็นวาระแห่งชาติระยะยาว และประเมินผลทุก 3 เดือน พร้อมทั้งขอให้ข้าราชการเป็นแบบอย่างในการป้องกันอุบัติเหตุ
“ต่อไปนี้เมื่อเกิดอุบัติเหตุตำรวจจะตรวจวัดแอลกอฮอล์ทุกราย ให้กรมการขนส่งทางบกจัดตั้งกองทุนผู้ถ่ายคลิปนำไปสู่การจับกุมผู้ทำผิดกฎหมาย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่พร้อมทำงานร่วมกันในช่วงวันหยุดเพื่อดูแลประชาชน แต่ต้องขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันเตือนสติญาติพี่น้อง เรื่องการขับรถเร็ว ไม่ละเมิดกฎจราจรและคำนึงถึงวินัยการจราจรด้วย รวมทั้งต้องมี 4 ข้อห้าม คือห้ามขับรถเร็ว ห้ามเมา ห้ามง่วง ห้ามโทรศัพท์ และสวมหมวกนิรภัยด้วย ส่วนมาตรการนั่งท้ายรถกระบะ เป็นเรื่องที่ทางตำรวจจะแจ้งรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนมาตรการตรวจยึดรถกรณีดื่มแล้วขับยังคงมีอยู่ เพราะปัญหาดื่มแล้วขับเป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนน” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว
พล.ท.คงชี พกล่าวว่า ที่ประชุมยังให้ส่วนราชการกำหนดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามคืนและตักบาตร เพื่อให้ประชาชนร่วมกันทำกิจกรรมดังกล่าว ให้สามารถลดอุบัติเหตุจากที่เคยเกิดขึ้นร้อยละ 21 เหลือร้อยละ 13.-สำนักข่าวไทย
