ปทุมธานี 22 พ.ย. – อีก 2 สัปดาห์กระทรวงอุตสาหกรรมจะเสนอ ครม.ขออนุมัติเงินช่วยเหลือไมโครเอสเอ็มอีและเอสเอ็มอี ระลอก 2 กว่า 37,000 ล้านบาท เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “จุดชนวนคิด พลิกสถานการณ์สู่ SME 4.0” ( Tipping Point to SME 4.0) ในการเปิดงาน “SEM-SME Synergy…ผนึกพลังของ SME วัยรุ่นกับ SME รุ่นเก๋า” ว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างจัดทำแผนสนับสนุนเงินทุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ระยะ 2 ปี 2561 โดยคาดว่าจะจัดทำเสร็จและเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในอีก 2 สัปดาห์หรือประมาณต้นเดือนธันวาคมนี้ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่เอสเอ็มอีไทยได้ใช้ในการยกระดับให้มีความแข็งแกร่งตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ในปี 2561 โดยจะมีวงเงิน ประมาณ 37,000 ล้านบาทหรือมากกว่า
สำหรับวงเงินช่วยเหลือจะแบ่งเป็น 2 กอง คือ กองทุนเงินช่วยเหลือไมโคร เอสเอ็มอี ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือลงลึกสู่ระดับฐานรากมากขึ้น ได้แก่ ชุมชน วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรแปรรูป เป็นต้น เพื่อยกระดับสู่การเป็นเอสเอ็มอี โดยจะเป็นลักษณะสินเชื่อปล่อยกู้โดยไม่ต้องมีหลักประกัน วงเงินกู้ตั้งแต่หลักแสนบาทสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท และกองทุนเงินช่วยเหลือเอสเอ็มอีพร้อมที่สปริงอัพยกระดับกิจการด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในกิจการ เพื่อยกระดับตัวเองขึ้นจากการเป็นกิจการขนาดเล็กหรือ S ไปสู่กิจการขนาดกลางหรือผู้ประกอบการขนาด M
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการช่วยเหลือที่ไม่ใช่มาตรการด้านการเงินเสริมเข้ามาด้วย โดยตอบโจทย์ทักษะต่าง ๆที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำเป็นต้องมีให้มากขึ้น โดยเป็นทักษะด้านการเงิน เช่น การทำบัญชีที่เหมาะสมถูกต้อง ความรู้ด้านการบริหารการเงิน เพิ่มความรู้ความเข้าใจ เรื่องความสำคัญของมาตรฐานสินค้าที่ผลิต โดยมีสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือ สมอ. รวมถึงเซ็นทรัลแล็บลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ เป็นต้น
สำหรับวงเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนั้น ก่อนหน้านี้กระทรวงอุตสาหกรรมเคยเสนอแผนและได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีมาแล้วรวม 37,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐ 20,000 ล้านบาท สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (SME Transformation Loan) 15,000 ล้านบาท และกองทุนฟื้นฟูเอสเอ็มอี ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ สสว. 2,000 ล้านบาท
นายอุตตม กล่าวว่า กระแสพลังของธุรกิจสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีมาถึงแล้ว ดังนั้น คนไทยจะต้องหาทางใช้ประโยชน์ให้ได้ ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีประมาณ 3.3 ล้านราย แต่เชิงคุณภาพต้องช่วยสนับสนุน เพื่อเกิดพลังที่เข้มแข็ง ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายให้การสนับสนุนและพัฒนาธุรกิจสตาร์อัพและเอสเอ็มอีให้มีความเข้มแข็งและมีบทบาทมากขึ้นในการส่งออกสินค้าของประเทศ เพราะปัจจุบันประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกมากเกินครึ่งของจีดีพีประเทศ แต่สินค้าที่ผลิตมูลค่าเพิ่มไม่สูงอาจถูกลอกเลียนแบบได้ไม่ยาก อีกส่วนเป็นสินค้าเกษตร จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจผ่านการผลิตสินค้าและบริการที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ที่มีความโดดเด่น.-สำนักข่าวไทย
