นนทบุรี 3 พ.ย. – รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์สั่งร้านธงฟ้าประชารัฐอย่าขายสินค้ารวมชุดถือเป็นการเอาเปรียบ ควรให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อสินค้าเอง ย้ำต้องติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน มั่นใจสิ้นเดือน พ.ย.ร้านธงฟ้าครบ 1.8 หมื่นร้าน เม็ดเงินลงสู่ระบบ 2 เดือน มากกว่า 5 พันล้านบาท
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีได้รับรายงานพบปัญหาการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยร้านธงฟ้าประชารัฐที่เข้าร่วมโครงการมีการจัดชุดสินค้ามาวางขายในร้านราคาชุดละ 200-300 บาท ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการที่มาใช้บริการ แต่ของในชุดที่ร้านเตรียมไว้บางรายการเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่ได้ต้องการ แต่จำใจต้องซื้อไป หรือบางร้านมีการอ้างประชาชนมาซื้อสินค้าจำนวนมากไม่ยอมรับรูดบัตร และไม่ยอมติดป้ายแสดงรายการสินค้าภายในร้าน ว่า ได้สั่งการให้อธิบดีกรมการค้าภายในและรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ที่ดูแลค้าภายในและพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศไปทำความเข้าใจร้านธงฟ้าประชารัฐอย่าทำพฤติกรรมรวมชุดสินค้า เพื่อหวังกำไรโดยเด็ดขาด ควรปล่อยให้เป็นทางเลือกของผู้ถือบัตรสามารถเลือกซื้อสินค้าภายในร้านอย่างเสรีภายใต้ตามสิทธิ์ของวงเงินในบัตรแต่ละคน และไม่ควรปฏิเสธรับรูดบัตรโดยอ้างคนมาใช้บริการที่ร้านมาก พร้อมทั้งจะต้องติดป้ายแสดงราคาสินค้าต่อหน่วยให้ผู้ถือบัตรได้รับทราบก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าที่ร้าน หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกพิจารณาเพิกถอนร้านธงฟ้าประชารัฐทันที
“ยอมรับว่าตลอด 1 เดือนที่ผ่านมามักจะได้ยินร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกระทำผิดไม่ทำตามหลักเกณฑ์ที่ภาครัฐกำหนด และถอนร้านค้าบางร้านไม่ให้เข้าร่วมไปบ้างแล้ว แต่ไม่กี่ราย แม้บางครั้งจะมีการร้องเรียนว่าร้านขายสินค้าเกินราคากว่าที่กำหนดไว้ค่อนข้างมาก ดังนั้น จึงมอบหมายให้ค้าภายในและพาณิชย์จังหวัดแต่ละพื้นที่ออกตรวจแบบไม่มีการแจ้งล่วงหน้า หากพบร้านค้าและพื้นที่ใดทำผิดหลักเกณฑ์ให้ถอนออกจากโครงการนี้ได้ทันที ถือว่าทำความเข้าใจและชี้แจงร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเข้าใจดีแล้ว และสิ่งที่จะได้ผลเต็มที่อยากแนะนำให้ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หากพบร้านค้าใดกระทำการเอารัดเอาเปรียบค้ากำไรเกินควรร้องผ่านสายด่วน 1569 ได้ทันที นอกจากร้านค้าจะถูกถอนแล้ว ร้านใดค้ากำไรเกินควรจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และร้านค้าไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้าจะถูกปรับไม่เกิน 10,000 บาทอีกด้วย” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ทางกรมบัญชีกลางยืนยันการติดตั้งเครื่องรูดบัตรของธนาคารกรุงไทยและธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ที่จะติดเครื่องรูดบัตรครบ 18,000 ร้านภายในเดือนพฤศจิกายนนี้แน่นอน ซึ่งตอนนี้ติดตั้งเครื่องไปแล้วเกือบ 10,000 ร้าน และกำลังรวมตัวเลขจากยอดที่ประชาชนรับบัตรสวัสดิการไปมีจำนวนมากน้อยแค่ไหน และนับจากวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาเริ่มต้นโครงการธงฟ้าประชารัฐเพื่อบัตรสวสดิการนั้น มีเม็ดเงินลงสู่ระบบไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท หากติดตั้งเครื่องรูดบัตรครบ 18,000 แห่ง คาดว่าเม็ดเงินจะลงสู่ระบบช่วง 2 เดือน คือ ตุลาคม-พฤศจิกายน 2560 รวมเกินกว่า 5,000 ล้านบาท และคาดว่าเดือนธันวาคมเป็นต้นไปยอดเงินจะส่งสู่ระบบต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทถือเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังกำลังรวบรวมข้อมูลและปัญหาข้อดีข้อเสียของโครงการนี้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบได้ภายในสัปดาห์หน้า และคาดว่าเฟส 2 จะเพิ่มทั้งสินค้าเกษตรและบริการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกการให้บริการแก่ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมากขึ้น. – สำนักข่าวไทย