2 พ.ค. – เกิดพัฒนาการสำคัญเกี่ยวกับสงครามยูเครน ซึ่งส่งผลต่อการเมืองโลกด้วย เมื่อสหรัฐทำข้อตกลงแร่ธาตุกับยูเครน
ในที่สุดรัฐบาลสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ทำข้อตกลงด้านแร่ธาตุกับยูเครนได้ แม้ว่าเขาจะเคยดูหมิ่นผู้นำยูเครน และมีจุดยืนใกล้ชิดรัสเซีย ยิ่งน่าประหลาดใจที่ข้อตกลงนี้มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์กับยูเครน ทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทำเนียบขาว เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ บ่งบอกความสัมพันธ์ที่ตกต่ำขีดสุด ทำให้ยากจะเชื่อว่าสองผู้นำจะมองหน้ากันได้อีก ไม่ต้องพูดถึงว่าจะมาทำข้อตกลงอะไรกันได้

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ผู้ประกาศตัวว่าจะยุสงครามยูเครน ในวันแรกที่หวนคืนทำเนียบขาว มุ่งจะทำข้อตกลงเพื่อเข้าถึงแร่ธาตุหายากของยูเครนมานาน เชื่อกันว่ายูเครนมีแหล่งสำรองของแร่ธาตุสำคัญมหาศาล เช่น ไทเทเนียม และลิเธียม ที่มีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะในเวลาที่สหรัฐเปิดสงครามการค้ากับจีน ที่เป็นแหล่งแร่อันดับ 1 ของโลก ในเหตุปะทะคารมนั้น เตรียมการที่จะลงนามข้อตกลงกัน แต่ด้วยเงื่อนไขที่บีบรัดยูเครน ตามที่นายทรัมป์ตวาดใส่ว่าไม่มีไพ่อยู่ในมือ ข้อตกลงจึงเป็นหมันไป
แต่เมื่อทั้งสองได้พบกันอีกครั้งในแบบตัวต่อตัว ตาจ้องตาระหว่างร่วมพิธีปลงพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ที่นครรัฐวาติกัน จึงเป็นที่มาของข้อตกลงร่วมกันนี้
รองนายกรัฐมนตรีของยูเครน กับรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ ลงนามข้อตกลง เมื่อมองในเนื้อหาของข้อตกลงยิ่งทำให้หักปากกานักวิเคราะห์ เพราะหัวใจหลักของข้อตกลงนี้คือ การตั้งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของยูเครนที่บอบช้ำจากสงคราม

การดำเนินการกองทุนนี้ แม้สหรัฐเข้าร่วมและเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ แต่ไม่มีการกำหนดใดๆ ให้ยูเครนชดใช้สหรัฐ อย่างที่นายทรัมป์ ย้ำหลายครั้งว่ายูเครนเป็นหนี้สหรัฐอยู่ 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้นยังไม่พอ เรื่องการช่วยเหลือทางการทหารที่นายทรัมป์ ต่อต้านอย่างหนัก ถือเป็นสิ่งสิ้นเปลืองงบ แต่กลับเปิดทางให้มอบความช่วยเหลือด้านอาวุธในอนาคต ซึ่งทางรัฐบาลยูเครนเปรยว่าอาจจะได้ระบบป้องกันภัยทางอากาศใหม่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นข้อตกลงนี้จะไม่ขวางทางยูเครนที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หากจำเป็นยังเปิดทางให้แก้ไขข้อตกลงได้
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งสำคัญที่ไม่ตรงใจยูเครนอยู่ที่หลักประกันด้านความมั่นคง เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากรัสเซีย ซึ่งแนวทางหนึ่งคือการประจำการกองกำลังรักษาสันติภาพนานาชาติในยูเครน โดยสหรัฐไม่ยอมบรรจุในข้อตกลงด้วย เห็นว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพียงพออยู่แล้วที่จะเป็นหลักประกัน ถึงแม้ว่ายังคงต้องรอผลการเจรจาลงในรายละเอียด รวมถึงการบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรมเสียก่อน ยูเครนจึงจะยินดีกับข้อตกลงนี้ได้อย่างเต็มที่
แต่อย่างไรเสียยูเครนยังมีแต้มต่อขึ้นมาก เมื่อถอดรหัสจากถ้อยคำในข้อตกลงแล้ว พบว่านายทรัมป์อาจ เปลี่ยนจุดยืนที่เป็นประโยชน์กับยูเครน เพราะจากที่นายทรัมป์ มีนโยบายจุดยืนที่เข้าข้างรัสเซียอย่างออกหน้า ชื่นชมผู้นำว่าแข็งแกร่ง และตำหนิยูเครนอย่างผิดๆ ว่าเป็นผู้เริ่มสงคราม แต่ในข้อตกลงนี้สหรัฐใส่ถ้อยคำว่า “การรุกรานเต็มรูปแบบของรัสเซีย” และ “จะไม่ปล่อยให้รัฐหรือบุคคลใดที่ให้เงินทุนหรือจัดหาอาวุธให้กับรัสเซียมาได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูยูเครน”
ส่วนท่าทีของรัสเซีย ในเวลานี้มีเพียงปฏิกิริยาจากนายดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคง ที่ว่าข้อตกลงนี้เป็นความพ่ายแพ้ของยูเครน ที่ต้องนำทรัพยากรของตนไปจ่ายให้สหรัฐเพื่อทำสงครามประเทศที่กำลังสูญสิ้นไปต้องใช้สมบัติของชาติมาซื้ออาวุธ
สงครามนี้ยังไม่มีทีท่าจะจบสิ้นลง สำหรับยูเครนถึงแม้ว่าจะต้องลุ้นต่อไปเพื่อให้ข้อตกลงเกิผล แต่ถือได้ว่าเป็นแต้มต่อแล้วที่อย่างน้อยเป็นความสำเร็จการทูตให้นายทรัมป์ จนกลับลำเอาสหรัฐกลับมาเป็นพวกได้อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย