รัฐสภา 1 พ.ค. – “วิโรจน์” เผยสรรพากร รวบรวมข้อมูลปมตั๋ว PN “นายกฯ” เข้าข่ายเลี่ยงภาษีแล้ว แต่ไร้คำตอบเสร็จเมื่อไร ด้าน กมธ.เศรษฐกิจ จ่อส่งหนังสือจี้ “รมว.คลัง” ตั้ง กก.วินิจฉัยภาษีโดยพลัน หลังพบองค์คณะขาด ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิพร้อมขู่เอาผิด “รมว.คลัง-อธิบดีสรรพากร” ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ หากดึงเรื่องสอบนายกฯ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์หลังเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีวาระพิจารณาติดตามเรื่องร้องเรียนกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำธุรกรรมและการชำระภาษีเกี่ยวกับการซื้อหุ้นมูลค่า 4,434.5 ล้านบาท ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเข้าข่ายการหลบเลี่ยงเสียภาษีรับให้ ว่าในการประชุมพบว่า นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ไม่ได้ร่วมประชุม แต่ได้ส่งผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลาง มาชี้แจงแทน
ทั้งนี้ ในการพิจารณาพบข้อมูลทที่น่าตกใจคือ คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ยังไม่ครบองค์ประกอบ เพราะขาดกรรมการ ส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 คน ทั้งนี้ การตั้งกรรมการส่วนดังกล่าวเป็นอำนาจของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ดังนั้น กมธ. เตรียมทำหนังสือถึงนายพิชัย ให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าว อย่างไรก็ดี กมธ. ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จ แต่โดยปกติแล้วต้องทำโดยพลัน หากเป็นการทำหน้าที่โดยชอบ แต่หากดึงเวลาอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า ในการตรวจสอบกรณีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว PN หลังจากที่ซื้อหุ้นของคนในครอบครับและเครือญาติของ น.ส.แพทองธาร นั้น ผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลางระบุว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริง แต่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด เพราะมีประเด็นของปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ คือการไม่มาชี้แจงของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กมธ. ซักถามถึงขั้นตอน ทราบว่ากรณีที่เชิญบุคคลให้ชี้แจงแล้วไม่มา จะให้เวลา 15 วัน และหากไม่มาจะต่อเวลาอีก 15 วัน อย่างไรก็ดี การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวถือเป็นอำนาจของกองตรวจสอบภาษีกลางที่จะดำเนินการได้ และเมื่อตรวจสอบแล้วเสร็จจะส่งเรื่องให้คณะกรมการวินิจฉัยภาษีอากรตรวจสอบขั้นตอนต่อไป
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับ สตง. ที่ร่วมชี้แจงต่อ กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ ได้ให้ข้อมูลกับ กมธ. ว่าไม่มีอำนาจตรวจสอบบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ทั้งนี้ สตง. มีหน้าที่ตรวจการใช้จ่ายและการจัดเก็บรายได้ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นทราบว่าประเด็นตั๋ว PN หรือตั๋วเงิน นั้นไม่มีระเบียบหรือกติกาที่ชัดเจนในการปฏิบัติว่าทำได้จริงหรือเป็นเพียงรูปแบบที่ใช้เป็นนิติกรรมอำพราง
“สตง. มีอำนาจตามกฎหมาย สตง. ในมาตรา 85 เพื่อส่งความเห็นไปยังกรมสรรพากรให้ดำเนินการออกระเบียบและการปฏิบัติงานเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย รวมถึงเพื่อให้สามารถจัดเก็บส่วนของภาษีการรับให้ จากกรณีการออกตั๋ว PN หรือตั๋วเงิน ได้ และเป็นไปด้วยความเป็นธรรม เสมอภาคถ้วนหน้า ทั้งนี้ กรณีของนายกฯ ที่อาจบอกว่าเป็นการวางแผนภาษี แต่หากประชาชนคนอื่นเขาทำรูปแบบเดียวกัน กรมสรรพากรต้องให้สิทธิประชาชนคนอื่นทำด้วย ไม่ใช่ไล่บี้คนอื่น แต่นายกฯ กลับเพิกเฉย นอกจากนั้นแล้วมองว่าเมื่อมีช่องว่างให้ทำ แต่นากฯ ควรปิดช่องว่างที่จะทำให้ตนเองได้ประโยชน์” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวว่า กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ เตรียมทำหนังสือไปยังหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง คือ นายพิชัย นายปิ่นสาย และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ดำเนินการตรวจสอบในกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะกรณีของอธิบดีกรมสรรพากรที่ต้องตรวจสอบกรณีของนายกฯ ให้เร็วที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ไม่ใช่เตะถ่วงการตรวจสอบ ทั้งนี้ หากนายพิชัย นายปิ่นสาย รวมถึงผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลาง ไม่ดำเนินการเรื่องดังกล่าวโดยเร็วอาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
“กมธ. มีข้อเตือนใจไปยังข้าราชการที่ต้องทำหน้าที่ด้วยว่ามีประเด็นที่เคยเกิดขึ้นกับ นางเบญจา หลุยเจริญ เมื่อครั้งทำหน้าที่ในกรมสรรพากร ถูกพิพากษาจำคุกในคดีวินิจฉัยภาษีซื้อหุ้น และถูกลงโทษทั้งคดีอาญา และจำคุก หากทำหน้าที่ปกป้องสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งกรณีที่ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร หากฝ่ายที่เเกี่ยวข้องประวิงเวลา อาจเท่ากับส่งสัญญาณปกป้อง หรือดึงเรื่องตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ซึ่งอาจถูกร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ต่อไป” นายวิโรจน์ กล่าว.-319-สำนักข่าวไทย