เพชรบุรี 1 พ.ค.-ทีมนักวิชาการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ร่วมกับสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าประเทศไทย (WCS) เปิดเผยผลสำรวจตามลำน้ำเพชรบุรี พบภาพหายากของ “สมเสร็จ” และ “เสือโคร่งอินโดจีน” จากกล้องดักถ่าย ทั้งยังตรวจพบภาพกลุ่มบุคคลสะพายปืน และสามารถจับกุมผู้ลักลอบเก็บน้ำผึ้ง พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง
นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า ระหว่างปฏิบัติภารกิจสำรวจและบำรุงรักษากล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า ช่วงปลายเดือนเมษายน 2568 บริเวณริมแม่น้ำเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องที่ติดตั้งไว้ตามจุดสำคัญ พบภาพ “สมเสร็จ” (Tapirus indicus) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่เหลืออยู่ไม่ถึง 250 ตัวในประเทศไทย กำลังเดินริมน้ำในยามค่ำคืนอย่างสง่างาม

ขณะเดียวกัน ยังพบภาพ “เสือโคร่งอินโดจีน” เพศเมีย หมายเลข KKT-04F ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการขยายพันธุ์ของเสือโคร่งในผืนป่าตะวันตก รวมถึง “เสือดาว” และ “เสือลายเมฆ” ที่ล้วนเป็นสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่ หาดูได้ยากยิ่ง สะท้อนถึงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศในพื้นที่อุทยานฯ ขนาด 2,914 ตร.กม. ซึ่งนับเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กล้องดักถ่ายยังบันทึกภาพชาย 4 คน สะพายอาวุธปืนเดินลัดเลาะในเวลากลางคืน ส่อพฤติกรรมล่าสัตว์ผิดกฎหมาย ขณะเดียวกัน กล้องดักถ่าย 2 ตัว สูญหายโดยไม่ทราบสาเหตุ คาดว่าอาจถูกรื้อถอนเพื่อทำลายหลักฐาน
อุทยานฯ ได้สั่งการให้หน่วยพิทักษ์ป่าเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวน โดยเฉพาะจุดที่พบร่องรอยบุกรุก และระหว่างเดินทางกลับ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมกลุ่มชาย 5 คน ที่ใช้แพไม้ไผ่ลำเลียงน้ำผึ้งออกจากป่า โดยควบคุมตัวได้ 2 ราย พร้อมของกลางน้ำผึ้งป่ากว่า 300 กิโลกรัม อีก 3 ราย ซึ่งเป็นชาวเมียนมา หลบหนีไปได้
จากการตรวจค้นเพิ่มเติม พบซาก “ค่างแว่นถิ่นใต้” (Trachypithecus obscurus) ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ในครอบครองของผู้ต้องหา โดยให้การว่านำมาประกอบอาหาร เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาฐานเข้าอุทยานฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และเก็บของป่าโดยผิดกฎหมาย มีโทษปรับสูงสุด 100,000 บาท ส่วนชาวเมียนมาที่หลบหนี ถูกแจ้งข้อหาครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เตรียมเพิ่มกำลังลาดตระเวนในช่วงฤดูฝน ซึ่งมักมีการลักลอบล่าสัตว์และเก็บของป่ามากขึ้น พร้อมขยายการติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ในพื้นที่แนวเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างไทยกับเมียนมา
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล และแจ้งเบาะแสการกระทำผิดในพื้นที่อุทยานฯ ผ่านสายด่วน 1362 หรือเพจเฟซบุ๊ก “อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน”.-512.-สำนักข่าวไทย