นศ. 2 สถาบันยกพวกตีกันกลางห้างดังย่านปทุมวัน

นักศึกษายกพวกตีกัน

กทม. 23 มี.ค.-นักศึกษา 2 สถาบันยกพวกตีกันในห้างสรรพสินค้าย่านปทุมวัน ช่วงหัวค่ำวานนี้ ประชาชนที่ใช้บริการห้างฯ วิ่งหนีอลหม่าน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่ายได้รวม 4 คน ส่วนผู้บาดเจ็บเบื้องต้นมี 5 คน

รายงานข่าวจากตำรวจ สน.ปทุมวัน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุนักศึกษา 2 สถาบันช่างชื่อดังย่านปทุมวันตีกันในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน ยังคงอยู่ที่ 5 ราย โดย 2 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการถูกแทงด้วยอาวุธมีด พักรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU ของโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนอีก 3 รายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการชกต่อยกัน ไม่ได้ถูกอาวุธร้ายแรง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีประชาชนทั่วไปได้รับบาดเจ็บ


ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมนักศึกษาผู้ก่อเหตุได้ฝั่งละ 2 ราย รวมทั้งสิ้น 4 ราย โดยให้การกับพนักงานสอบสวนอ้างว่า ต่างฝ่ายต่างมาเดินเล่นที่ศูนย์การค้า แล้วพบปะเจอกันพอดี จึงมีปากเสียงและทะเลาะวิวาทกันตามที่ปรากฏในคลิป ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงแค่คำให้การกล่าวอ้างเบื้องต้นเท่านั้น โดยจากการตรวจค้นร่างกายไม่พบว่า ทั้ง 4 คน พกพาอาวุธมีดหรือปืน และยังไม่มีหลักฐานที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุแทงผู้บาดเจ็บ ทางพนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาทะเลาะวิวาทตามมาตรา 391 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษ แล้วเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายก่อนปล่อยตัวไป

อย่างไรก็ตาม ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบบรรดานักศึกษาที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท รายอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ที่ก่อเหตุลงมือใช้อาวุธมีดแทงนักศึกษาได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เช่นเดียวกับนักศึกษา 4 รายที่ทางตำรวจได้เปรียบเทียบปรับไป หากมีเพียงหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธมีดแทงหรือมีความผิดอื่นๆ ก็จะเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน โดยเชื่อว่าแต่ละฝั่งน่าจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 คน


ทั้งนี้ยังไม่มีตัวแทนของศูนย์การค้า หรือร้านค้าที่อยู่ในศูนย์การค้ามาแจ้งความเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน จากที่มีกระแสข่าวลือว่า มีการยิงกันภายในศูนย์การค้าระหว่างที่มีการวิวาทนั้น จากการตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง น่าจะเป็นเหตุเข้าใจผิด

สำหรับเรื่องมาตรการการรักษาความปลอดภัยนั้น ที่ผ่านมาทางตำรวจได้วางมาตรการร่วมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศูนย์การค้าในการเฝ้าระมัดระวังเหตุการณ์อยู่แล้ว แต่เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา อาจจะมีกลุ่มนักศึกษาที่ทยอยเข้ามาในศูนย์การค้าทีละคนสองคน ก่อนจะมารวมตัวกันในศูนย์การค้า จึงกลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้กลุ่มนักศึกษารวมตัวกันและก่อเหตุดังกล่าว

ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจจะดำเนินการพูดคุยกับศูนย์การค้า เพื่อเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยและการตรวจค้นร่างกายหาอาวุธก่อนเข้าพื้นที่ รวมทั้งได้สั่งการให้ตำรวจสายตรวจและฝ่ายจราจรเพิ่มความเข้มข้นในการลงพื้นที่เพื่อคอยตรวจตราและเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัย จึงขอให้ประชาชนและบรรดานักท่องเที่ยวสบายใจได้ ขณะนี้ทั้งตำรวจและเอกชนจะเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำรอยอีก


ส่วนทางห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุ ทางผู้บริหารยังไม่ได้มีแนวทางที่จะเดินทางเข้าแจ้งความกับนักศึกษาทั้งสองสถาบันที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน แต่ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหารือกับตำรวจ สน.ปทุมวัน ในการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในลักษณะดังกล่าวได้อีก.-420.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก

รวบ “พ.อ.หญิง-แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ตำรวจ ปปป. และ ป.ป.ช. จับ “พ.อ.หญิง” และ “ แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก พบเส้นเงินเชื่อมโยง 10 ล้านบาท

ซบพรรคกล้าธรรม

“เอกราช” จ่อซบ “กล้าธรรม” ยันไม่ถึงขั้นแตกหัก “อนุทิน-ภท.”

“เอกราช” เตรียมย้ายซบ “กล้าธรรม” เพื่อความสบายใจในการทำงาน ยันไม่ถึงขั้นแตกหักกับ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” คาดเตรียมขับออกเร็วๆ นี้ เผยผูกพันกับ “ธรรมนัส ” กว่า 10 ปี

ไฟไหม้ท้ายรถบัสทัศนศึกษา นักเรียน-ครู ปลอดภัย

หวิดเกิดเหตุสลด รถบัสทัศนศึกษากำลังกลับโรงเรียน เกิดไฟไหม้ท้าย โชคดีอพยพทัน นักเรียนชั้น ป.6 ทั้ง 35 คน กับครู 7 คน ปลอดภัย

รวบไรเดอร์-วิน จยย.รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ไรเดอร์ร่วมกับวิน จยย. รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันจนน่วม ตำรวจตามจับได้ 3 คน ยังอ้างรุมทำร้ายโดยไม่รู้ที่มาที่ไป คิดว่าชายต่างชาติทำร้ายคนไทย ทนไม่ได้จึงเข้าช่วย

ข่าวแนะนำ

Trump says administration is looking into Signal, thinks Waltz should not apologize

“ทรัมป์” ชี้แชทรั่วไม่มีข่าวกรองชั้นความลับ

วอชิงตัน 26 มี.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ บอกปัดกรณีแชทรั่วไปถึงนักข่าวว่า ไม่มีข้อมูลข่าวกรองชั้นความลับ และไม่มีใครต้องขอโทษ ขณะที่ สว.เดโมแครตรุมตำหนิผู้ที่เกี่ยวข้องเรียกร้องให้ลาออก นายทรัมป์แสดงความหนุนหลังทีมงานด้านความมั่นคงของเขาด้วยการตอบคำถามสื่อในเรื่องนี้ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า ไม่มีข้อมูลชั้นความลับถูกเปิดเผยในกลุ่มแชทสนทนาแอปพลิเคชัน ซิกนัล (Signal) ของกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ซึ่งนายไมเคิล วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงได้เชิญนักข่าวคนหนึ่งเข้าไปรวมอยู่ด้วยโดยไม่ตั้งใจ นายทรัมป์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องการใช้แอปพลิเคชันสนทนานี้และคิดว่านายวอลซ์ ไม่จำเป็นต้องขอโทษในเรื่องนี้ ขณะที่นายวอลซ์ให้สัมภาษณ์ในรายการของฟ็อกซ์นิวส์ ยืนยันขอเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าอับอาย กลุ่มแชทที่เขาสร้างขึ้นมีรายละเอียดเรื่องแผนการโจมตีเยเมนจริง แต่ยืนกรานว่าไม่มีข้อมูลชั้นความลับ หลังจากนายเจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการข่าวของนิตยสารดิแอตแลนติก (The Atlantic) ออกมาเปิดเผยว่า ถูกรวมอยู่ในกลุ่มแชทเข้ารหัสโดยไม่รู้ตัวเมื่อวันที่ 13 มีนาคม และได้เห็นโพสต์ของนายปีเตอร์ เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมเรื่องแผนการทำสงครามก่อนสหรัฐเปิดฉากโจมตีเยเมนระลอกแรกเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ด้านสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พรรคเดโมแครตพากันตำหนินางทัลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติและนายจอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางหรือซีไอเอ (CIA) ที่ไปให้ปากคำต่อคณะกรรมการข่าวกรองในวุฒิสภาว่า ฉาบฉวย ไร้ความสามารถ และไม่ให้เกียรติคนทำงานข่าวกรอง นางแกบบาร์ดและนายแรตคลิฟฟ์อยู่ในกลุ่มสนทนาในแอปฯ ซิกนัลที่มีข่าวรั่วในครั้งนี้ […]

โหวตไว้วางใจ

นายกฯ โพสต์ขอบคุณหลังสภาผ่านฉลุยไว้วางใจ

นายกฯ โพสต์ขอบคุณหลังสภาผ่านฉลุยไว้วางใจ ยัน ชี้แจงทุกประเด็น ลั่น ทั้งเสียงหนุน-เสียงไม่ไว้วางใจ จะเป็นพลังให้มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน

ผ่านฉลุย! สภาโหวตไว้วางใจ “นายกฯ แพทองธาร” 319 เสียง

สภาโหวตไว้วางใจ “แพทองธาร” นั่งนายกฯ ต่อฉลุย 4 สส.ปชป.งดออกเสียง และไร้เงา “รตอ.เฉลิม” แต่ได้แถมเสียงงูเห่ามา 7 เสียงจากไทยสร้างไทย-พปชร.และ “ปูอัด” ขณะที่นายกฯ ไหว้ขอบคุณ สส. หลังโหวต

ทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก

รวบ “พ.อ.หญิง-แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ตำรวจ ปปป. และ ป.ป.ช. จับ “พ.อ.หญิง” และ “ แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก พบเส้นเงินเชื่อมโยง 10 ล้านบาท