ชาเทรียม แกรนด์ 19 ก.พ. – “ภูมิธรรม” เผยกัมพูชาเสียใจเหตุ ‘ตาเมือนธม’ ชี้เกิดขึ้นได้ แต่สองฝ่ายร่วมแก้ไข ไม่ขยายความขัดแย้งบานปลาย ปรามฝ่ายค้าน อย่าหยิบทุกอย่างมาเป็นประเด็นการเมือง มีอะไรคุยกันค่อยวิจารณ์ ไม่ต้องรีบเล่นบทฮีโร่
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พลโท พงศกร รอดชมภู อดีต สส.บัญชีรายชื่อ อดีตรองหัวหน้าพรรรคอนาคตใหม่ และอดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตำหนิว่ากองทัพภาคที่ 2 บกพร่องต่อหน้าที่ ที่ปล่อยปละให้เกิดกรณีที่มีชาวกัมพูชาขึ้นมาร้องเพลงปลุกใจบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ว่า อาจเป็นความเข้าใจผิดของนายพงศธร เนื่องจากบริเวณดังกล่าว ยังไม่มีการตกลงแบ่งเขตอย่างชัดเจนระหว่างไทยและกัมพูชา อีกทั้งเราเปิดให้มีการขึ้นไปสักการะ ไหว้พระ บนปราสาทตาเมือนธมได้ เนื่องจากมิติด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมย้ำว่า ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ได้พยายามแก้ตัวให้ใคร แต่การที่ประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ การที่กระทำการละเมิดอะไรต่าง ๆ นั้น สามารถเกิดขึ้นได้ สิ่งที่สำคัญคือเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะร่วมกันแก้ไขอย่างไร โดยเรื่องนี้ทางกัมพูชาก็แสดงความเสียใจ เมื่อวานนี้ (18 ก.พ. 68) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอยู่กับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็โทรศัพท์ติดต่อมาหาตน แต่ตนเองติดภารกิจลงพื้นที่ต่อเนื่องหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่จังหวัดสงขลา โดยเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ จึงไม่สามารถติดต่อได้ในบางขณะ เมื่อเวลาราวเที่ยงวัน จึงได้พูดคุยกัน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้แสดงความเสียใจ และกล่าวว่าเรื่องนี้ทางกัมพูชาไม่มีเจตนาให้เกิดขึ้น และพยายามหาทางแก้ไข ส่วนอารมณ์ของทหารหรือบุคคลในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสองฝ่ายไม่ได้นำมาขยายให้บานปลายออกไปจนกลายเป็นความแตกแยกระหว่างประเทศ
นายภูมิธรรม ย้ำว่า “อย่ามองทุกอย่างเป็นประเด็นทางการเมือง อย่ามองทุกอย่างว่ามันเป็นความบกพร่องของรัฐบาล และหยิบขึ้นมาเป็นประเด็น หากคิดว่ามีประเด็นให้สอบถามข้อมูลจากเราก่อน แล้วถ้ารู้สึกว่าเราละเลยก็วิพากษ์วิจารณ์ได้ ผมไม่อยากเห็นสภาพอย่างกรณีพรรคฝ่ายค้านที่ไปเยี่ยมกองกำลังราชมนู แล้วไปสั่งนู่นชี้นี่ ผมก็เข้าใจได้นะ แต่ผมว่าอย่าให้ภาพมันออกไปแล้วคนไม่เข้าใจ ฟังดู ทราบดูเหมือนกับว่ารัฐบาลนี้บกพร่องเหลือเกิน แล้วก็…เป็นผู้ที่เป็นฮีโร่เห็นว่า เป็นสิ่งที่ควรต้องทำอย่างนู้นอย่างนี้ แต่จริง ๆ มันไม่ใช่ จริง ๆ ต้องเข้าใจฝ่ายปฏิบัติครับ”
นายภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ที่ให้บางระดับ เช่น ตำรวจหรือทหารเข้าไปแก้ไขปัญหานั้น เกิดจากการที่ระดับรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงได้พูดคุยหารือกันแล้ว เมื่อตัวแทนของกองทัพ และตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับแนวทางไปปฏิบัติงาน จะกลายเป็นการปล่อยปละละเลย จนต้องมีผู้มาชี้นิ้วสั่งนั้น ตนมองว่าไม่ถูกต้อง จึงอยากให้รับทราบข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริงโดยทั่วกัน
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่ประสาทตาเมือนธม จะส่งผลกระทบต่อกรณีที่ สส.พรรคเพื่อไทย เสนอให้เปิดประตูเขาพระวิหารฝั่งไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวต้องชะงักหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่คาดการณ์ไปในเชิงนั้น แต่ถ้าคิดว่าอะไรที่จำเป็นก็จะต้องคุยกัน โดยในระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีเรื่องที่ต้องคุยกันตลอดเวลา-313 .-สำนักข่าวไทย