นายกฯ ประชุมมอบนโยบาย ผู้ช่วยรัฐมนตรีทุกกระทรวง

ทำเนียบ 11 ก.พ.-นายกฯ ประชุมมอบนโยบาย ผู้ช่วยรัฐมนตรีทุกกระทรวง ย้ำต้องทำงานเชิงรุกต้องแก้ข่าวเท็จที่โดนโจมตีในทุกกระทรวง ขอให้อธิบายข้อมูลให้ชัดเจน และต้องช่วยรัฐมนตรีทำงาน ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและภารกิจ ให้แก่คณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยมีนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร นายสุรพงษ์ มาลี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านยุทธศาสตร์และการวางแผน เข้าร่วมด้วย


โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งในรัฐบาลปัจจุบัน โดยมองว่าตำแหน่งนี้มีความสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศและช่วยสนับสนุนการทำงานของรัฐมนตรีในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล เช่น โครงการบ้านเพื่อคนไทย โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOS) โครงการ Summer Camp และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ โดยขอให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีร่วมมือกันทำงานในหลายมิติตามภารกิจของแต่ละกระทรวง และช่วยสร้างการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้กับประชาชน เพื่อให้ทราบถึงความคืบหน้าของนโยบายต่าง ๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้กรอบและนโยบายของรัฐบาล

“ที่ผ่านมามีการบิดเบือนข้อมูล ในเกมการเมืองต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ถูกเข้าใจผิดและผิดวัตถุประสงค์ โดยขอให้ทุกท่านไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้ เพราะการบิดเบือนข้อมูลอาจทำให้ประชาชนไม่เข้าใจ ถึงความตั้งใจที่แท้จริงของรัฐบาล ขอเน้นย้ำให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีมีบทบาทสำคัญในการอธิบายข้อมูลข่าวสารอย่างชัดเจน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย แม้การทำงานของแต่ละกระทรวงอาจแตกต่างกัน แต่ก็ต้องพยายามลดความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารให้มากที่สุด เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นต่อประชาชน” นายกรัฐมนตรี ระบุ


นายกรัฐมนตรี ระบุว่า บทบาทของผู้ช่วยรัฐมนตรีมีความสำคัญมากในการสนับสนุนรัฐมนตรีในทุก ๆ ด้านเพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ผลักดันการพัฒนาประเทศ และช่วยประสานงานในรายละเอียดของแต่ละกระทรวง โดยเฉพาะการรวบรวมข้อมูล ปัญหา และข้อเสนอแนะจากการลงพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินงานของรัฐมนตรีมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม นอกจากนั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีต้องให้ความสำคัญกับการเสนอยุทธศาสตร์และเร่งรัดการดำเนินนโยบายของแต่ละกระทรวง แม้ว่านโยบายบางนโยบาย อาจเผชิญกับอุปสรรคบ้าง แต่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันหาทางแก้ไข เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ ติดตามข้อสั่งการ นโยบาย ข้อหารือ และกระทู้ถามต่าง ๆ จากรัฐสภา ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงของตนเอง เพื่อให้รัฐมนตรีสามารถชี้แจงได้อย่างครบถ้วน สำหรับปีนี้ เป็น “ปีแห่งโอกาสและการกระตุ้นเศรษฐกิจ” จึงขอให้ทุกท่าน ให้ความสำคัญกับประเด็นเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก โดยแต่ละกระทรวงต้องเร่งผลักดันมาตรการที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระของประชาชน พร้อมติดตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด.-316.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

เข้มทางบก แก๊งลักลอบเข้าเมือง หนีไปทางน้ำ

หลังมาตรการ Seal Stop Safe ชายแดนของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 30 มกราคม เพื่อเข้มงวด ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามเส้นทางต่างๆ พบขบวนการลักลอบเข้าเมืองด้านชายแดนกาญจนบุรี ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ เมืองพญาตองซู ของเมียนมา เลี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน

ทองไทยใกล้เป้าหมายบาทละ 5 หมื่น

ทองไทยเข้าภาวะกระทิง เปลี่ยนแปลงคึกคักวันนี้ (11 ก.พ.) ปรับเปลี่ยน 27 รอบ เข้าใกล้ 48,000 บาทต่อบาททองคำ มองเป้าหมายถัดไปที่ 50,000 บาทต่อบาททองคำ ด้านสภาทองคำโลก ชี้การซื้อทองเป็นการลงทุนมากกว่าการใช้เป็นเครื่องประดับ ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำที่แข็งแกร่งในปี 67 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก