รัฐสภา 6 ก.พ.- กมธ.ความมั่นคงฯ ติดตามผล หลังตัดไฟฟ้าชายแดน ด้านสำนักข่าวกรองฯ เผยทุกจุดใช้ไฟน้อยลง แต่พื้นที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังปั่นไฟใช้ต่อ เชื่อส่งผลกระทบระยะยาว
การประชุมกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน มีการพิจารณาติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา การฟอกเงินการใช้บัญชีม้าในขบวนการยาเสพติดที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรม ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งกรณีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายไฟฟ้าบริเวณชายแดนไทยเมียนมา ซึ่งมีตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเข้าให้ข้อมูล
โดยนายผไท สิทธิสุนทร ผู้อำนวยการกองความมั่นคง กิจการชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน ได้ชี้แจงต่อกมธ.ความมั่นคง ว่า ในระยะถัดไป ปัญหาเช่นเดียวกับเมียนมาร์นั้นมีตลอดชายแดน
ซึ่งมีการสั่งการจากสภาความมั่นคง ก็จะเร่งประเมินสภาพปัญหา และพิจารณาปัจจัยสนับสนุนอื่น ๆ ที่จะถูกนำไปใช้โดยกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ แต่ต้องพิจารณาประกอบกับเรื่องอื่นด้วย เช่น ความสัมพันธ์
นายผไท ยังกล่าวว่า ทางคณะกรรมการเฉพาะกิจ บริหารสถานการณ์อันเนื่องจากความไม่สงบในเมียนมา ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเป็นประธาน ก็ได้เห็นชอบกรอบแนวทางการจัดระเบียบชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อป้องกันและปราบปรามปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 6-7 แนวทางแต่ที่ชัด ๆ ก็คือ ให้มีการเพิ่มความเข้มงวดช่องทางข้ามแดน ท่าข้าม โดยให้ตรวจสอบทั้งคน สินค้า และปัจจัยที่จะเกื้อหนุน อาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ รวมถึงการจำหน่ายไฟฟ้า สัญญาณโทรคมนาคม เชื้อเพลิง
ขณะที่นายอิทธิพล รื่นสัมฤทธิ์ รักษาการที่ปรึกษาด้านต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวว่า ความคืบหน้าเพิ่มเติมหลังจากตัดไฟไปแล้ว เมื่อคืนก็พบว่าการใช้ไฟในทุกจุดมีปริมาณลดลง ทั้งที่ท่าขี้เหล็ก เมียวดี และพญาตองซู อย่างไรก็ตามในพื้นที่ที่เป็นบ่อนหรือพื้นที่ต้องสงสัยในแหล่งสแกมเมอร์ พบว่ายังมีการดำเนินการอยู่ ซึ่งเรามีข้อมูลยืนยันว่ากลุ่มเหล่านี้มีการเตรียมการล่วงหน้าสำหรับการปั่นไฟ และพบว่าเมื่อคืนมีการใช้เครื่องปั่นไฟเช่นกัน เบื้องต้นเห็นว่าการดำเนินการของกลุ่มเหล่านี้จะยังสามารถดำเนินการได้ต่อไป แต่ในระยะยาวเชื่อว่าจะส่งผลกระทบแน่นอน เช่น การขาดแคลนน้ำมัน แม้จะมีข่าวว่าแต่ละกลุ่มสำรองน้ำมันไว้จำนวนมาก แต่ยังเชื่อมั่นว่าในระยะยาวจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน อีกทางคือประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน ก็มีความเคลื่อนไหวในการหาซื้อน้ำมันทำให้ในบางพื้นที่มีการขึ้นราคาน้ำมันที่สูง ซึ่งเป็นผลกระทบเบื้องต้นที่เกิดขึ้นหลังจากตัดไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังมี นายจารุวัฒน์ จินห์มรรคา รองประธานมูลนิธิอิมมานูเอล กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่แก๊งสแกมเมอร์ หรือนักต้มตุ๋น แต่เป็นขบวนการค้ามนุษย์ที่บังคับให้คนกระทำความผิดตามคำสั่ง เป็นการบังคับคนเป็นทาส ซึ่งตอนนี้ยังทำอยู่ด้วยการหลอกคนเข้าไปอยู่ประเทศเมียนมา โดยผ่านทางประเทศไทย และหลอกคนไทยเข้าไปติดในเมียนมา ลาว และกัมพูลา จากการบันทึกสถิติจนถึงเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา มีเหยื่อจากการค้ามนุษย์แล้ว 2,784 คน
โดยเหยื่อถูกบังคับให้ทำงานในลักษณะต่าง ๆ แต่ล่าสุดคือการบังคับให้สแกนหน้า มีกรณีที่พ่อ แม่ ลูก ถูกหลอกไป เมื่อไปถึงถูกบังคับให้สแกนหน้าและกังขังให้อยู่ในตึก ถูกยึดโทรศัพท์มือถือ และบังคับให้บอกพาสเวิร์ดแอพพลิเคชั่นโมบายแบงค์กิ้ง ซึ่งเมื่อมีการหลอกโอนเงินได้ก็จะบังคับให้ผู้เสียหายสแกนหน้า เพื่อรับเงินผ่านบัญชีผู้เสียหาย ตอนนี้มีผู้ร้องเรียนแล้ว 116 ราย ซึ่งมูลนิธิกำลังทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่เฉพาะกรณีของคนไทย ไม่รวมกับชาวต่างชาติที่เข้าทางเมียวดี ซึ่งตอนนี้มีคนถูกหลอกมากขึ้นเรื่อยๆ ความรุนแรงไม่ได้ลดน้อยลงเลย ต้องเข้าใจว่านี่ไม่ใช่สแกมเมอร์ แต่เป็นผู้ค้ามนุษย์ที่เป็นอาชญากรรมทารุนแรงที่สุดในโลก หากมองว่าเป็นการต้มตุ๋นหลอกลวง อาจจะดำเนินการไม่ครอบคลุม.-315 -สำนักข่าวไทย