“รังสิมันต์” ขอบคุณรัฐบาล ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ตเมียนมา

รัฐสภา 6 ก.พ.-“รังสิมันต์” ขอบคุณรัฐบาล ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-งดส่งน้ำมันเมียนมา บอกเป็นแค่ก้าวแรกจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับตาท่าข้ามอาจเป็นแหล่งลักลอบทำสิ่งผิดกฎหมาย สงสัยไฟฟ้าที่ขายให้ลาวถูกขายต่อให้เมียนมา รับต้องแก้ให้เร็ว เจ็บแต่จบ เผยจะดูแลความปลอดภัยตัวเองให้ดีที่สุด วอนจัดการข้าราชการคนมีสีทุจริตเป็นลมใต้ปีกสีเทา

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผย ก่อนการประชุม ถึงมาตรการตัดไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต และงดส่งน้ำมันให้ประเทศเมียนมาร์ ใน 5 จุด ว่าวันนี้ ( 6 ก.พ. ) กรรมาธิการได้เชิญสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. , กระทรวงมหาดไทย , กระทรวงดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม หรือ DEs และตำรวจไซเบอร์ ถึง ความคืบหน้าการปราบปราม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ผลอย่างไรว่า สิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือต้องยอมรับว่า การตัดไฟ งดการส่งน้ำมัน และอินเทอร์เน็ต ยังไม่เพียงพอ แต่ก็ถือเป็นก้าวแรก ซึ่งก็ต้องมีก้าวต่อไปในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์


นอกจากนี้คนยังมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ซึ่งมีตัวบุคคลเป็นตำรวจยศไม่ได้ใหญ่มาก จะมอบข้อมูลให้กับตำรวจไซเบอร์ แต่ไม่ขอลงรายละเอียด เพราะกลัวเครือข่ายจะรู้ตัว

ขณะเดียวกันในสัปดาห์หน้า จะต้องติดตามเรื่องท่าข้าม ซึ่งอยู่ในอำนาจของกระทรวงมหาดไทย ที่ค่อนข้างจะยุ่ง เพราะมีความพยายามส่งของผ่านท่าข้าม ซึ่งท่าข้ามยังเป็นประเด็นปัญหาความมั่นคง ที่อาจจะเอื้อต่อการกระทำผิดกฏหมายต่างๆ เนื่องจากไม่ใช่จุดผ่านแดนถาวรที่มีเครื่องมือและมาตรการในการตรวจเข้ม จึงยังเป็นช่องโหว่ของการตัดไฟฟ้า


นอกจากนี้ พบว่ามีอีก 1 จุด ที่ยังไม่ได้มีการตัดไฟฟ้า ซึ่งเรื่องนี้จะต้องถามการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมถึง สมช. ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หรืออาจจะไม่มีแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์อยู่ในจุดนี้ก็ได้ เพราะจากข้อมูลพบว่ายังคงมีการขายไฟไปทั้งหมด 18 จุด จึงต้องดูว่าถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่ รวมถึง ปอยเปต ที่ฝั่งกัมพูชา ว่าจะจัดการอย่างไร ซึ่งวิธีการอาจจะไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ต้องหาวิธีการเพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน และทำอย่างไรให้เกิดความรวดเร็ว ในลักษณะเจ็บแต่จบ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันการข่าวพบว่า ฝั่งเมียนมาร์ไปซื้อไฟฟ้าจากลาวมาใช้แทน จึงต้องตรวจสอบว่า เป็นไฟฟ้าที่ไทยขายให้ลาวหรือไม่ เพราะจุดที่ซื้ออยู่ใกล้กับสายส่งในท่าขี้เหล็กของไทย โดยท่าขี้เหล็กเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มหว้า มีชื่อเสียงด้านยาเสพติด ไม่ใช่ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ที่คุกคามไทย

นายรังสิมันต์ บอกว่าแค่ตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และงดการส่งน้ำมันยังไม่จบ เพราะยังมีอินเตอร์เน็ตแบบใต้ดินและดาวเทียม ซึ่งจะกระทบกับสิทธิมนุษยชน จึงอยากให้มีการระบุจุดละติจูด ลองจิจูดในการใช้เพื่อความแม่นยำ


ส่วนข้อกังวลที่การตัดไฟฟ้าจะกระทบกับโรงพยาบาล และโรงเรียนในฝั่งเมียนมาร์นั้น ต้องแยกส่วนกับการจัดการผู้กระทำความผิด เราต้องยอมรับว่าเขาเอาประชาชนในพื้นที่เป็นตัวประกัน เราไม่ได้อยากให้นโยบายเราไปละเมิดหรือกระทบกับสิทธิใครอย่างแน่นอน แต่อยากให้ไปดูการเซ็นสัญญาระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นการเซ็นสัญญาระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้อกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชน การค้ามนุษย์ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเจ้าของถูกคว่ำบาตรจากหลายประเทศ ยอมรับว่าไม่มีนโยบายไหน ที่ไม่มีผลกระทบ 100% สุดท้ายต้องชั่งน้ำหนัก จึงต้องถามว่า ไฟฟ้าที่ส่งไปตกถึงมือประชาชนจริงหรือไม่ เราไม่มีข้อมูลตัวเลขที่ชัดเจน ดังนั้นหากอยากให้จบเร็ว ต้องจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เร็วที่สุด เพื่อลดความเสียหาย

พร้อมกันนี้ นายรังสิมันต์ โรม ยังบอกด้วยว่า เมื่อมีมาตรการฝั่งเมียนมาแล้ว อาจจะมีการย้ายไปฝั่งกัมพูชา เพราะแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์มีหลายสาขา ดังนั้นการแก้ปัญหาจะต้องจัดการกับโครงสร้างทั้งหมด

ส่วนที่มีการใช้น้ำมันไปปั่นไฟฟ้าแทน นายรังสิมันต์ มองว่าไม่น่าจะสามารถใช้ได้นาน ดังนั้นต้องเพิ่มเติมมาตรการอื่นๆในการจัดการ ที่สำคัญต้องร่วมมือ กับหลายฝ่ายรวมถึงปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ผ่านคนมีสี ขยายผลไปจัดการข้าราชการ นักธุรกิจ ที่เป็นลมใต้ปีกกับทุนสีเทา หากทำได้โอกาสที่คนเหล่านี้จะมายิ่งใหญ่จะมีโอกาสน้อย

นายรังสิมันต์ โรม ยังกล่าวถึง กรณีหลายฝ่ายกังวลเรื่องความปลอดภัยของตนเองว่า จะพยายามดูแลตัวเองให้ปลอดภัย ยอมรับว่าเรื่องนี้กระทบต่อผลประโยชน์ของพวกสีเทา และสีดำ แต่ตนคิดว่าเมื่อมาเป็น สส. ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งตนได้รับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับผลกระทบจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เยอะมาก จึงถึงเวลาที่ต้องเอาจริง

“เรื่องนี้ต้องขอบคุณรัฐบาล ที่อย่างน้อยที่สุดก็ได้เริ่มก้าวแรก รวมถึงนักวิชาการฝ่ายต่างๆ ที่ช่วยกัน เพราะเรื่องนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า การตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และงดการส่งน้ำมัน เป็นสิ่งที่ได้เสนอมาโดยตลอด ไม่ได้คิดโดยเร็ว แต่ผ่านการศึกษา ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย” นายรังสิมันต์ กล่าว.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session […]