นายกฯ ชูไทยฮับความมั่นคงทางอาหาร

กทม. 3 ก.พ. – “น.ส.แพทองธาร” ย้ำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-เวลเนส เสริมศักยภาพท่องเที่ยวดันจีดีพี ชูไทยฮับความมั่นคงทางอาหาร เผยคุยกูเกิลช่วยพัฒนาคนเพิ่มศักยภาพแรงงานสายไอทีให้มีความพร้อมสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะต่อไป ปลุกพลังหญิงขับเคลื่อนประเทศ ชี้ “อุดมการณ์-ความสามารถ-ทุ่มเททำงาน” เป็นมาตรวัดคุณภาพ ลั่น “เพศ-อายุ-การแต่งกาย” แค่รูปลักษณ์ ไม่ใช่ตัวชี้วัดผลงาน แนะเด็กไทยรู้คุณค่าในตัวเอง ชู “ครัวไทย-วัฒนธรรมไทย-อุตสาหกรรมอนาคต” ดึงรายได้เข้าประเทศ ด้าน “เศรษฐา” โพสต์ส่งกำลังใจ “นายกฯ ก็มีหัวใจ”


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาเปิดงานงาน “Go Thailand 2025 : Women Run the World” 45 ปี ฐานเศรษฐกิจ ณ TRUE ICON HALL ศูนย์การค้า ICON SIAM ว่าในตอนที่ไปแสดงวิสัยทัศน์ประเทศไทยที่เมืองดาวอส ในงาน World Economic Forum (WEF) ในปีนี้ เป็นโอกาสอันดีในประเทศไทยที่ดิฉันได้พูดคุยกับผู้นำหลายหลายประเทศและผู้นำของหลายองค์กร ทำให้เกิดนโยบายและการกระตุ้นต่างๆ มากมายในโลกนี้ สิ่งที่ดิฉันได้นำไปพูดคือเรื่องของการเป็นครัวโลกของประเทศไทยนั้น เป็นครัวของโลก ชาวต่างชาติรู้จักเราโดยที่เราไม่ต้องแนะนำตัวเอง สามารถผลักดันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์นี้ให้ทั่วโลกได้ยอมรับประเทศไทยได้ โดยที่เราไม่ต้องพยายามมากเราได้ต่อยอดเรื่องนี้ไปในเรื่องของความมั่นคงทางอาหาร เราได้พูดเรื่องของการถนอมอาหารและเก็บอาหารในบางประเทศที่มีเรื่องของความไม่สงบ อาหารเป็นเรื่องที่หายาก เราจึงนำเสนอเรื่องของความเป็นความมั่นคงทางอาหารที่สามารถส่งให้ได้ทันทีภายในระยะเวลาอันสั้น หลายประเทศมีการชื่นชมและอยากที่จะทำงานกับเรา เราถือว่าเป็นเรื่องของตลาดนำนวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้ เราต้องส่งเสริมเรื่องของนวัตกรรมให้เกษตรกรสามารถทำได้ ให้สิ่งเหล่านี้สามารถกระจายวัตถุดิบไปยังที่ต่างๆ ของโลกได้ เพื่อตอบโจทย์เรื่องของการส่งออก แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรคนไทย

นอกจากนั้นเกษตรกรปรับตัวเรื่องของการรับมือกับสภาวะอากาศที่ปรับเปลี่ยนไปโดยการใช้นวัตกรรมรรัฐบาลหาเทคโนโลยีมาเติมเต็มและเรามาหาเรื่องต่างๆ เพิ่มเรื่องของเทคโนโลยีได้พบเรื่องกับผู้นำประเทศต่างๆ มีการหารือกับประเทศต่างๆ เรื่องของการแก้ปัญหาฝุ่น เราได้คุยเรื่องของการลดฝุ่น PM 2.5 ในประเทศของเราเจอปัญหานี้เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน ที่เราได้เจอปัญหานี้เช่นเดียวกันต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา


ทั้งนี้ ได้พูดกับประเทศต่างๆ เรื่องของวัฒนธรรมไทย คนไทยเรามีปัญหาเรื่องของการทำเรื่องของวัฒนธรรมให้เป็นการเพิ่มมูลค่า เพื่อให้ประเทศต่างๆ เข้ามาสนใจประเทศไทย การสร้างเสน่ห์ให้กับประเทศไทย เพื่อจัด festival ต่างๆ ให้มีทุกเดือน ในทุกๆ ปี ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของไฮซีซั่น ไม่ใช่แค่การเรื่องของสงกรานต์ เราจะจัดงานในเดือนเมษาฯ ทุกวัน เพื่อเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว เพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวของประชาชนให้เพิ่มมากขึ้น

โดยประเทศไทยนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากอยู่แล้ว ทุกภาคมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ มีสถานที่ที่น่าสนใจ มีเรื่องดีๆ และมีข้อดีอยู่ แต่จีดีพีของเราต้องการการกระตุ้นมากขึ้นอย่างมาก ดังนั้น ในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่อาจยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทั้งหมด อย่างที่เราทราบกันแล้วจีดีพีของเรานั้นเติบโตช้าเราจะต้องสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างขึ้นของมนุษย์สร้างขึ้น จึงเสนอเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือเรื่องของสุขภาพ (เวลเนส) ถือว่าเป็นสิ่งที่ผลักดันจีดีพีของประเทศให้ก้าวกระโดด ไม่ใช่เติบโตเท่าเดิม เรายังมองถึงอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ ที่เราต้องการหาการลงทุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้นเรายังดูเรื่องของต้นทุนเรื่องของพลังงานให้สามารถแข่งขันได้ หากต้นทุนของเราสามารถแข่งขันได้เราจะไม่เสียเปรียบกับประเทศอื่นๆ เรายังเน้นย้ำในเรื่องเหล่านี้อย่างมาก เรื่องของพลังงานสะอาดทุกประเทศพูดถึงเรื่องนี้ ทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมแห่งอนาคตของเราเป็นมิตรกับธรรมชาติ ของเราไม่เพิ่มเรื่องของภาวะโลกร้อนทั่วโลก จึงให้ความสนใจเรื่องของพลังงานสะอาดอย่างมาก เราจะต้องสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนไปสู่เป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ซึ่งเรามีการตกลงกับประเทศเพื่อนบ้านและทั่วโลกว่าเราจะรับอุตสาหกรรมในอนาคตแต่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


“ในเรื่องของการพัฒนาคนก็เป็นสิ่งในเรื่องของสำคัญอย่างมาก ดังนั้น การให้ทุนในนโยบาย ODOS ยังสำคัญมาก การลงทุนของ Google ในประเทศไทย เราต้องให้เขาเทรนคนให้กับประเทศเรา เพื่อให้คนไทยมีศักยภาพให้พร้อม เพื่อไม่ให้ต้องหาแรงงานที่อื่นเข้ามาทำงานกับบริษัทชั้นนำ โอกาสของคนไทย โอกาสของเด็กๆ รุ่นใหม่ต้องมอบให้กับเขา อุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ ไม่เพียงพอ ต้องเตรียมคนแห่งอนาคต” นายกรัฐมนตรี ​กล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า ​เรื่องของผู้หญิงที่เข้ามาทำงาน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน เราให้คำจำกัดความง่ายง่าย ซีโอของประเทศไทยที่เป็นผู้หญิงมีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ทางด้านเอกชนถือว่าเราได้รับการตอบรับผู้หญิงเป็นที่ยอมรับอย่างมาก ผู้หญิงที่ได้ขึ้นมาในเวทีถือว่าเป็นผู้หญิงเก่งทั้งนั้น ขอชื่นชมไว้ในที่นี้ด้วยที่สามารถทำผลงานให้กับประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ผู้หญิงที่อยู่ในภาคของรัฐเองยังถือว่ามีไม่มาก ตอนนี้คณะรัฐมนตรีมีผู้หญิงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ไทยยังไม่เยอะถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ จริงๆ แล้วอาชีพต่างๆ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องเพศหรือเพศสภาพ ถ้าคนเรามีอุดมการณ์หรือความคิดที่มีความพร้อมจะช่วยผลักดันเรื่องของนโยบายเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจในการช่วยกันระหว่างภาครัฐและเอกชนต่างๆ เราก็มีการเปิดรับเช่นกันสมรสเท่าเทียมที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนมกราคมนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรีเราก็ภาคภูมิใจมากๆ ที่ได้เป็นนายกฯ ในประเทศที่มีกฎหมายนี้ถือว่าเป็นกฎหมายที่มีความเท่าเทียม ภาครัฐพร้อมที่จะดูแลประชาชนในทุกเพศสภาพ ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทยทุกคน

“ในฐานะของดิฉันเองที่เป็นคุณแม่ เป็นลูกสาว และเป็นภรรยา มีหลายบทบาทหน้าที่และดิฉันเองก็เป็นคนที่จะต้องมีความสร้างความเข้มแข็งให้กับคนในครอบครัวให้กับลูกดิฉันจะต้องเข้าใจโลกแบบเข้มแข็ง ไม่ใช่เข้าใจโลกแบบฝืนธรรมชาติ เข้าใจดีว่าในการมายืนอยู่ตรงนี้ก็โดนปรามาสมากมายในเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกคือความมั่นใจของแต่ละค นถ้าสอนลูกก็จะให้เขารู้ว่าค่าของเขานั้นคือคนคนนั้น” นายกรัฐมนตรี​ ระบุ

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า อยากให้ผู้หญิงทุกๆ คนมั่นใจว่าถ้ามีความรู้ความสามารถในการทำงานนั่นคือมาตรวัดของเราว่าเราเต็มที่ในการทำงานหรือไม่ เรื่องของภายนอกคือเรื่องของภายนอก มันไม่ใช่มาตรวัดความสามารถของเรา วันนี้ต้องขอตอกย้ำตรงนี้ว่าความสามารถของเราอยู่ที่ไหน และเราจะมีบทบาทในการทำงานให้กับประเทศได้อย่างไร คนไทยมีศักยภาพมากมาย รอแค่โอกาสดีดีที่เราจะทำงานให้กับประเทศได้มากแค่ไหน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการขึ้นกาวปาฐกถาพิเศษของ น.ส.แพทองธาร นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความทางแอปพลิเคชัน X ให้กำลังใจนายกฯ ว่า “สั้นๆ ได้ใจความนายกฯ” ก็มีหัวใจ”.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลั่นมหาดไทยพร้อมสับสวิตช์ หาก สมช.สั่งหยุดจ่ายไฟ

“อนุทิน” ลั่นมหาดไทยพร้อมสับสวิตช์ หาก สมช. สั่งหยุดจ่ายไฟ ชี้หากเพื่อนบ้านทำผิดกระทบความมั่นคง เตรียมหาแหล่งพลังงานใหม่ มอง กฟภ. ทำเกินหน้าที่ร่วมลงพื้นที่ บอกเป็นหน่วยงานรับปฏิบัติ

นายกฯ​ เปิดงาน Amazing Thailand Grand Tourismand Sports Year 2025

นายกฯ​ ขอการท่องเที่ยวปีนี้ปังๆ ร่วมเปิดงาน Amazing Thailand Grand Tourismand Sports Year 2025 ย้ำรัฐบาลหวังจีดีพีเติบโตจากการท่องเที่ยว มอบผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด จัดกิจกรรมดึงนักท่องเที่ยวทั้งปี ปลุกคนไทยช่วยแชร์ข่าวจริง หลังถูกบิดเบือน​ “สรวงศ์” ตั้งเป้าการท่องเที่ยว 35 ล้านคน

เร่งล่าหนุ่มบุกเดี่ยวชิงทองกว่า 100 บาท ในห้างดังย่านลำลูกกา

ตำรวจเร่งล่าคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ร้านทองในห้างดัง ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี กวาดทองในถาดกว่า 100 บาท หลบหนีลอยนวล

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]