กรุงเทพฯ 30 ม.ค. – คลังเผยเศรษฐกิจไทยปี 67 ขยายตัวร้อยละ 2.5 หวังดันจีดีพีปี 68 ชนเพดานร้อยละ 3.5 อาศัยแรงหนุนภาคท่องเที่ยว ลงทุนต่างชาติ และภาคเอกชน คลัง แบงก์ชาติ สภาพัฒน์ พร้อมจับมือฟื้นเศรษฐกิจปีงูเล็ก
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าขยายตัวร้อยละ 2.5 ลดลงจากเดิมคาดการณ์ร้อยละ 2.7 เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมช่วงไตรมาส 4 หดตัวมากร้อยละ -20 โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ แต่ยังมีปัจจัยบวกจาก การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว มียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.5 ล้านคน การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 4.7 จากมาตรการกระตุ้นและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น การส่งออกสินค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 5.9 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปร้อยละ 0.4 เนื่องจากราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวลดลง ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2567 มีแนวโน้มเกินดุล 10.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.0 ของ GDP
ในปี 2568 กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี แต่ต้องการร่วมมือกับทุกหน่วยงานผลักดันให้จีดีพีชนเพดานร้อย 3.5 และมีโอกาศเป็นไปได้ ตามช่วงคาดการณ์ร้อยละ 2.5–3.5 โดยมีปัจจัยหลัก ต้องขับเคลื่อนเพื่อให้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 3.3 ต่อปี มูลค่าการส่งออกขยายตัวร้อยละ 4.4 ต่อปี นักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้นเป็น 38.5 ล้านคน การใช้จ่ายต่อหัวต่อทริพ 47,540 บาท สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.83 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9
สำหรับการลงทุนในปี 2568 เป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญผลักเศรษฐกิจไทย โดยอาศัยแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภาคเอกชนคาดว่า ขยายตัวร้อยละ 2.7 ต่อปี จากการเร่งก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนโดยบีโอไอ สูงกว่า 1.14 ล้านล้านบาทในปี 2567 สูงสุดในรอบ 10 ปี และมีโครงการยื่นขอส่งเสริมกว่า 3,100 โครงการ คาดว่าทยอยลงทุนจริงภายใน 1–4 ปี หลังการอนุมัติ โดยหวังการลงทุนจาก google และกลุ่มในเครือมูลค่ากว่า 75,000 ล้านลาท เพื่อตั้งฐานการผลิตเกี่ยวข้องกับ Data Center และ Cloud Region บีโอไอยังให้การส่งเสริมการลงทุนกับ TikTok 1.2 แสนล้านบาท และต่างชาติรายใหญ่อีกหลายราย ที่มีความชัดเจนต้องการเข้ามาลงทุน เพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนจริงสู่ระบบเศรษฐกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทย
ขณะที่การลงทุนภาครัฐ คาดว่าขยายตัวร้อยละ 3.4 ต่อปี รัฐบาลพร้อมเร่งรัดโครงการสำคัญเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และกระตุ้นการลงทุนต่อเนื่องในภาคเอกชน การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ยังส่งผลให้การบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.3 ต่อปี ส่วนกรณี เฟคคงดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อดูแลเศรษฐกิจสหรัฐ คลัง แบงก์ชาติ สภาพัฒน์ เตรียมนัดหารือร่วมกันเร็วๆนี้ เพื่อร่วมกันฟื้นเศรษฐกิจไทย ให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
ด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปร้อยละ 0.9 ต่อปี เร่งขึ้นจากปีก่อนหน้าตามอุปสงค์ภายในประเทศที่ขยายตัวดี ขณะที่เสถียรภาพภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 13.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.4 ของ GDP สะท้อนถึงศักยภาพที่เข้มแข็งของภาคต่างประเทศ และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาส 2 ปี 68 รัฐบาลยังเดินหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส3 เพื่อทำให้เม็ดเงินทั้งหมดถูกใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ ทำใ้หเพิ่มอัตราการขยายตัวได้อีกร้อยละ 0.5 จึงหวัง เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3.5 ตามเพดานสูงสุด
กระทรวงการคลัง ยังต้องดูแลความท้าทาย เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน เดินหน้าผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจการเงิน (Financial Hub) เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีเศรษฐกิจโลก ติดตามนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา จากการกำหนดนโยบายแบบตัดสินใจ ทำทันที รวดเร็ว กระทบการลงทุนของหลายประเทศ และการตอบโต้ของประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบ การนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ได้รับผลกระทบการเก็บภาษีของสหรัฐ ยอมรับสินค้าบางส่วนของจีนอาจไหลเข้ามายังไทย กระทบต่อเอสเอ็มอีอย่างไร จับตาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในหลายภูมิภาคที่อาจสร้างความผันผวนและจำกัดการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย อาจกระทบกำลังซื้อและการใช้จ่ายของประชาชน. -515 -สำนักข่าวไทย