กรุงเทพฯ 1 ต.ค. – คลังโอนเงินกลุ่มเปราะบาง กระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 จำนวน 14.05 ล้านราย โอนไม่สำเร็จ 3.8 แสนราย เกิดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจ 1.4 แสนล้านบาท
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการโอนเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ตั้งแต่วันที่ 25-30 ก.ย.67 สำหรับการโอนเงิน ในวันที่ 30 กันยายน 2567 ให้ผู้มีบัตรสวัสดิการฯ เลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 8-9 จำนวน 2.25 ล้านราย โอนเงินไม่สำเร็จ 61,469 ราย มียอดสะสมของการโอนเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายสำเร็จ รวมทั้งสิ้น 14.05 ล้านราย ขณะที่ยอดการโอนเงินไม่สำเร็จ 381,287 ราย
ภาพรวมมีสาเหตุการโอนเงินไม่สำเร็จของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ดังนี้
- คนพิการ เช่น บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น
- ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น กระทรวงการคลัง จึงแนะให้ผู้มีสิทธิ์เร่งผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีเงินฝาก เพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้น เพื่อให้พร้อมรับเงินตามโครงการฯ ในรอบการจ่ายเงินช้า (Retry)
สำหรับคนพิการที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ หรือผู้ได้รับเงินเบี้ยความพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ ข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการไม่สมบูรณ์ เป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการโอนเงินเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นการโอนเงินในวันแรก ขอแนะนำให้รีบต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการ ที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้องภายในกำหนดเวลา หากพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
นอกจากนี้ กรณีเป็นบุคคลล้มละลายหรือถูกพิทักษ์ทรัพย์สามารถดำเนินการเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อรับเงินตามโครงการฯ และสามารถถอนเงินได้ โดยดำเนินการยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อขออนุญาตเปิด/ใช้บัญชีเพื่อรับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยต้องดำเนินการเปิดบัญชีเงินฝากและผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนให้แล้วเสร็จภายในกำหนดการ Retry
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว 140,573.41 ล้านบาท จึงขอให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับเงินส่วนนี้แล้ววางแผนการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและครอบครัว.-515- สำนักข่าวไทย