กรมราชทัณฑ์ 25 ก.ย.-อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยัน พบผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจำ เพียงแค่ร้อยละ 1 ไม่ไช่ร้อยละ 70 ตามข่าว แต่ก็ไม่นิ่งนอนใจ มีกระบวนการดูแลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่ได้มาตรฐานองค์การอนามัยโลก
นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีหลังจากที่มีข่าวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดวัณโรคในเรือนจำหลายแห่ง รวมทั้งมีการแพร่เชื้อไปยังผู้ต้องขังรายอื่น รวมกว่าร้อยละ 70 ของผู้ต้องขังทั้งหมด ว่า จากสถานการณ์วัณโรค ประเทศไทยติดอันดับในกลุ่ม 14 ประเทศที่มีปัญหาภาวะวัณโรคสูง ทั้งวัณโรคทั่วไปและวัณโรคดื้อยา ซึ่งค่าเฉลี่ยในประเทศไทยคือ 171 คนต่อประชากร 100,000 คน โดยโรคนี้มักจะเกิดกับกลุ่มคนที่เข้ามาอยู่ในเรือนจำ ประกอบกับในปัจจุบันเรือนจำมีความแออัดสูงมากทำให้เกิดการติดต่อโรคทางเดินหายใจได้ง่าย กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักวัณโรค กรมควบคุมโรคติดต่อ สปสช. และ กรมราชทัณฑ์ จึงได้เห็นความสำคัญในการคัดกรองผู้ป่วยโดยการถ่ายภาพรังสีทรวงอกร้อยเปอร์เซนต์ และตรวจเสมหะผู้ป่วยที่สงสัยด้วย เครื่อง Gene-x-Pert จึงได้พบผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันพบผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจำ 142 แห่ง จำนวนทั้งสิ้น 3,368 คน จากจำนวนผู้ต้องขัง 310,000 คนเทียบเป็นความชุก 1,086 คนต่อประชากร 100,000 คน โดยผู้ต้องขังที่ถูกรับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นวัณโรคจะได้รับยารักษาและอยู่ในห้องที่แยกการควบคุมในระยะแพร่เชื้อ 2 เดือนแรก จากนั้นเมื่อพ้นระยะติดต่อแล้วมีการควบคุมการกินยาทุกวันไปจนกว่าจะหายขาด ส่วนการป้องกันได้มีการแจกหน้ากากอนามัยกับเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังอื่นในเรือนจำ
“ผู้ต้องขังที่ป่วยด้วยวัณโรคในเรือนจำมีเพียงร้อยละ 1 ของผู้ต้องขังทั้งหมด หรือ 1,000 คนต่อ 100,000 คน แต่หากเทียบกับผู้อยู่ภายนอกเรือนจำ อัตรา หรือสัดส่วนผู้ป่วยวัณโรค จะพบแค่ 100 ต่อประชากร 100,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.1 เท่านั้น ซึ่งตัวเลขผู้ป่วยในเรือนจำเมื่อเทียบกันแล้วถือว่าสูงมาก โดยมากกว่าถึง 10 เท่า แต่กรมราชทัณฑ์ก็ไม่นิ่งนอนใจ หลังจากมีคัดกรองแยกผู้ป่วย ก็จะเข้าสู่กระบวนการรักษาให้ยาตามระยะ จะมีแพทย์ติดตามอาการผู้ป่วยต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่กลับไปแพร่เชื้ออีก ยืนยันการรักษาผู้ป่วยวัณโรคของกรมเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาขององค์การอนามัยโลก (WHO)” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย