กทม. 22 ธ.ค. – “โอฬาร” มองเลือกตั้ง อบจ.เป็นการเมืองท้องถิ่น 3 เส้า 3 พรรค เชื่อ “ทักษิณ” หวังใช้ปูทางสู่ 200 สส. ส่วนภูมิใจไทยประกาศไม่ลงชิงแต่มาเงียบๆ กินเรียบทุกสนาม
ผศ.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงสนามเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเฉพาะการเลือกนายก อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ 1 กุมภาพันธ์ปีหน้าnว่า มีโอกาสเข้มข้น เพราะองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีงบประมาณเป็นจำนวนมาก มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง จึงทำให้นักเลือกตั้งประจำจังหวัด นักการเมืองท้องถิ่นหรือบ้านใหญ่ หรือกลุ่มการเมืองอยากจะครอบครอง องค์กรปกครองท้องถิ่นนี้ เพื่อวางกลไกรากฐาน การเมืองของตัวเองภายในจังหวัด อีกทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่พรรคการเมืองใหญ่ เช่นพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อต้องการเตรียมความพร้อมในการ เลือกตั้งในปี 2570 ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศแล้วว่าอยากได้ที่นั่ง สส. เกิน 200 คน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่นายทักษิณจะต้องเข้าไปสนับสนุนบรรดานักการเมืองประจำจังหวัด บ้านใหญ่หรือตระกูลการเมืองที่ลงสมัคร ในการแข่งขันนายก อบจ. นอกจากนี้พรรคประชาชนก็ได้ประกาศส่งผู้สมัคร ทำให้การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้เป็นการเมืองสองระดับ คือการแข่งขันระหว่างนักเลือกตั้งประจำจังหวัด หลายมุ้งหลายตระกูลการเมือง และการเมืองระดับชาติ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงทำให้มีแนวโน้มเข้มข้นสร้างความตื่นตัวทางการเมือง ให้กับประชาชนค่อนข้างมาก
ส่วนจะเป็นจุดชี้วัดสนามเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตหรือไม่ ผศ. โอฬาร กล่าวว่าคงไม่ถึงขนาดนั้นแต่เป็นหลักประกันในเบื้องต้น ถ้าพรรคการเมืองใดมีนายก อบจ. ของตัวเอง ก็มีโอกาสระดมเครือข่าย ทางกลยุทธ์ให้ตัวเอง มีความได้เปรียบในการเลือกตั้ง สส.
“คุณทักษิณหวังว่าชัยชนะที่จะได้ สส. 200 คนนั้นจะต้องอาศัย ยุทธศาสตร์ 3 ด้านด้วยกันคือ 1 คะแนนนิยม ของประชาชนที่ยังจงรักภักดี ต่อคุณทักษิณเป็นการส่วนตัว 2 แนวนโยบายที่คุณทักษิณ จะคิดให้กับพรรคเพื่อไทย เพื่อสร้างคะแนนนิยม ให้ประชาชนจำนวนมาก และ 3 จะต้องเป็น พันธมิตรกับเครือข่ายตระกูลการเมืองในจังหวัด จึงทำให้คุณทักษิณต้องเดินสายอย่างที่เห็น ไปหาเสียงไปสนับสนุนไปเปิดตัว เพราะต้องการเป็นพันธมิตรกับบ้านใหญ่และตระกูลทางการเมือง เพื่อให้ตัวเองได้เปรียบในการเลือกตั้งสส.” ผศ.โอฬารกล่าว
ผศ.โอฬาร ยังกล่าวถึงค่ายสีน้ำเงินพรรคภูมิใจไทยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัดว่า ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง อบจ. แต่ถ้าดูการเลือกตั้งก่อนหน้านี้ 10 กว่าจังหวัด ที่ได้รับชัยชนะ เกิน 10 คนถูกมองว่าเป็นคนของพรรคสีน้ำเงิน ภูมิใจไทยจึงเรียกได้ว่ามาเงียบๆ กินเรียบทุกสนาม และที่สำคัญพรรคภูมิใจไทยมีฐานเดียวกับพรรคเพื่อไทย จึงต้องพยายามดึงตระกูลทางการเมืองมาเป็นพันธมิตร เพราะภูมิใจไทยเห็นความสำเร็จของตัวเองมาแล้วจากการเลือกตั้ง 2 รอบ หลังรัฐประหาร ที่เติบโตอย่างช้าๆ ระบบบัญชีรายชื่อได้น้อย เขตเมืองแทบไม่ได้เลย แต่ได้ในจังหวัดที่มีบ้านใหญ่ การเลือกตั้ง อบจ. แม้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะประกาศไม่ส่งผู้สมัคร แต่จะมีคนที่มีความใกล้ชิดกับพรรคสีน้ำเงิน ลงแข่งขันกับพรรคเพื่อไทยด้วย จะกลายเป็นการเมืองสามเส้า พรรคเพื่อไทยพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน อีกด้านหนึ่งมีการเมืองท้องถิ่นของบรรดาบ้านใหญ่ของจังหวัดนั้นๆ เข้าไปสำทับอีก.-1-319 -สำนักข่าวไทย