กรุงเทพฯ 16 ธ.ค. – บมจ.ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวนในกรอบแคบ หลังตลาดกังวลต่อมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อน้ำมันรัสเซีย ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอ
บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ (16 -20 ธ.ค.67) ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 67-75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 70-78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวนในกรอบแคบ หลังการเปลี่ยนอำนาจครั้งสำคัญในซีเรียอาจส่งผลให้ฉากทัศน์ของความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งดำเนินอยู่ก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปและกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบภายในภูมิภาคค นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับแรงหนุนจากการปรับเปลี่ยนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง (Politburo) อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนซึ่งประกาศออกมาบ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมายังคงไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ ตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) พร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามแผนที่วางไว้ที่ระดับ 0.25% ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ หลังอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 2.7% เท่าที่กับตลาดคาดการณ์ แต่การดำเนินนโยบายทางการเงินของ FEDในปีหน้ายังคงต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญจากการที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวสูงขึ้นจากการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่
จากการดำเนินนโยบายแบบระมัดระวัง (prudent) ซึ่งทำมานับตั้งแต่ปี 2011-2024 มาเป็นการดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลายอย่างปานกลาง (moderately loose) ซึ่งจะดำเนินผ่านการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อให้มีสภาพคล่องในระบบการเงินเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยก่อนหน้านี้จีนเคยดำเนินการด้วยนโยบายนี้ครั้งนึงในช่วงการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ โลกช่วงปี 2008 นอกจากนี้คำสัมภาษณ์ของนายสี จิ้นผิง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ส่งสัญญาณชัดเจนถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่เพื่อต้องการให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน (GDP) ในปี 2568 เติบโตไม่น้อยกว่า 5% โดยที่ผ่าน เศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอภายหลังสำนักสถิติแห่งชาติของจีน (NBS)
รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน พ.ย. 67 อยู่ที่ระดับ 0.2% ย่อตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 0.3%นอกจากนี้ดัชนีราคาผู้บริโภคเมื่อเปรียบระหว่างเดือนที่ผ่านมา (M-o-M)พบว่าอยู่ที่ระดับ -0.6% และเร่งตัวขึ้นจากเดิมที่ระดับ -0.3% จากตัวเลขดังกล่าวทั้งสองบ่งชี้ว่าจีนยังคงอยู่ในภาวะเงินฝืดและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้านี้นั้นยังคงไม่เพียงพอ นอกจากนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ ที่สำคัญของจีน ซี่งประกาศออกมา อาทิ ตัวเลขการส่งออกของจีนในเดือน พ.ย. 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.7%ชะลอตัวลงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 12.7% และต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 8.5% โดยตัวเลขการส่งออกนี้คาดว่าจะยังคงได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นภายหลังการเข้ามาดำรงตำแหน่งของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ในช่วงเดือน ม.ค.67 นี้
ด้านตัวเลขการนำเข้ามีการหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยอยู่ที่ระดับ -3.9% ในเดือน พ.ย. 67 ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ -2.3% สะท้อนถึงความต้องการใช้ภายในประเทศที่ยังคงอ่อนแอและย่อมส่งผลต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (9 – 13 ธ.ค. 67) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 4.09 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 71.29 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 3.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 74.49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 73.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังคณะเอกอัครราชทูตของสหภาพยุโรปมีมติเห็นชอบต่อมาตรการการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากรัสเซียรุกรานยูเครนซึ่งพุ่งเป้าไปที่การลักลอบขนส่งน้ำมันของรัสเซีย หลังหลีกเลี่ยงเพดานราคาน้ำมันที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลที่ทางกลุ่ม G7 ได้กำหนดไว้สำหรับควบคุมการขนส่งน้ำมันดิบทางทะเลของรัสเซียในปี 2565 โดยการคว่ำบาตรนี้มีขึ้นภายหลังจีนได้ออกมาตรคว่ำบาตรต่อชิ้นส่วนโดรนที่ชาติตะวันตกให้การสนับสนุนในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่จีนจะมีแผนใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างเหมาะสมในปี 2568 เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี และจะมีมาตรการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA)เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 6 ธ.ค. 67 ปรับลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 422 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเพียง 0.9 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันหลังโอเปกประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันประจำปี 2567 ที่ระดับ 1.61 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับ 1.82 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก่อนหน้าอีกทั้งปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันประจำปี 2568 ที่ระดับ 1.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยลดลงจากระดับ 1.54 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก่อนหน้าเนื่องจากอุปสงค์น้ำมันที่ยังคงอ่อนตัวลงในจีน. -511-สำนักข่าวไทย