บขส. 21 ต.ค. – พ.อ.สุวิทย์ เกตุศรี รองผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ในฐานะประธานคณะทำงานจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะฯ กล่าวว่า การดำเนินงานจัดระเบียบรถตู้เป็นไปตามแผนและกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้รถตู้ประจำทาง หมวด 2 วิ่งเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ ไปยังต่างจังหวัด ระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตร เข้าใช้พื้นที่สถานีขนส่งฯ ทั้ง 3 แห่ง วันที่ 25 ตุลาคมนี้ และเพื่อให้การจัดระเบียบรถตู้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงจัดตั้งศูนย์ติดตามการปฏิบัติในการนำรถตู้โดยสารสาธารณะ หมวด 2 เข้าสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 3 แห่ง อำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการและผู้ประกอบการรถตู้ 5 ศูนย์ โดยศูนย์หลักตั้งอยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)
ด้านนายนพรัตน์ การุณยะวนิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะและเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบรถร่วม บขส. พ.ศ. 2547 ข้อ 42,75 ขอให้ผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสาธารณะ (รถร่วม) ทุกรายที่จำหน่ายตั๋วอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบริเวณอื่น ๆ นอกสถานีขนส่ง ย้ายเข้ามาจำหน่ายตั๋วบริเวณที่กำหนด และนำรถเข้ารับ-ส่งผู้โดยสารภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร, เอกมัย, สายใต้ปิ่นเกล้า) ภายในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ พร้อมห้ามจำหน่ายตั๋วบริเวณใต้ทางด่วน ด้านหน้าสถานีฯ และพื้นที่โดยรอบสถานีฯ หากไม่ปฏิบัติหรือละเลยการปฏิบัติตาม บขส.จะพิจารณาลงโทษตามระเบียบขั้นสูงสุดต่อไป
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรถตู้ที่จะนำรถเข้ามาวิ่งให้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารต้องนำหลักฐานประกอบด้วย บัตรประจำรถและบัตรประจำตัวผู้ขับขี่ ซึ่งออกโดย บขส.มาแสดงเพื่อซื้อใบเวลาให้เรียบร้อยก่อน จึงจะนำรถออกวิ่งให้บริการได้ ซึ่งการออกใบวิ่งจะช่วยให้ บขส. สามารถควบคุมดูแลเรื่องความปลอดภัย ทั้งพนักงานขับรถ และตัวรถได้
สำหรับผู้ใช้บริการที่ต้องการเดินทางไปสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 3 แห่ง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้นำรถชัตเตอร์บัสมาวิ่งให้บริการรับ-ส่งเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยฯ – หมอชิต 2, รถไฟฟ้า BTS จตุจักร – หมอชิต 2 จำนวน 9 คัน, เส้นทางอนุสาวรีย์ฯ – เอกมัย จำนวน 4 คัน และเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยฯ – ปิ่นเกล้า จำนวน 4 คัน โดย ขสมก.พร้อมปรับเปลี่ยนจำนวนเที่ยวรถรถโดยสาร เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการต่อไป ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสาธารณะไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายมีโทษตั้งแต่ปรับ 5,000 บาท หรือถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการเดินรถ เพื่อให้เป็นไป ตามนโยบาย คสช.-สำนักข่าวไทย