น่าน 26 พ.ย.-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งดันไทยสู่ฮับโกโก้ของอาเซียนใน 3 ปี เชื่อมโยงซอฟต์พาวเวอร์ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มอบกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) รุกพัฒนาผู้ประกอบการโกโก้ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผ่านการพัฒนาในแต่ละภูมิภาคก้าวสู่การเป็นสินค้า GI เพื่อตอกย้ำการเป็นแบรนด์ของท้องถิ่นที่เน้นความโดดเด่นในเชิงคุณภาพ และอัตลักษณ์ทางรสชาติ คาดเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจอีกกว่า 8 พันล้านบาท
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มีนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” พร้อมมุ่งสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขัน และมุ่งเซฟอุตสาหกรรมไทยที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมอยู่คู่กับชุมชน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการสร้างรายได้และเป็นการกระจายมูลค่าเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะ “เกษตรอุตสาหกรรม” ซึ่งเกษตรกรไทยมีศักยภาพและมีการเพาะปลูกในทุกภูมิภาค โดยจะมุ่งสนับสนุนทั้งพืชเศรษฐกิจเดิม และพืชเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โกโก้ ที่สามารถสร้างมูลค่าตั้งแต่ผลสด เมล็ดแห้ง และการแปรรูปเป็นสินค้าสร้างสรรค์ อีกทั้งยังพบว่าตั้งแต่โกโก้เริ่มได้รับความนิยมในไทย ยังเป็นแรงจูงใจในหลายด้าน เช่น โมเดลธุรกิจคาเฟ่ ท่องเที่ยว คนรุ่นใหม่ที่ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการเกษตร รวมถึงการจ้างงานในชุมชนที่มากขึ้น ทั้งนี้ ใน 6 เดือนแรกของปี 2567 ไทยมีผลผลิตโกโก้รวมทั้งหมด 1,016.78 ตัน พบการตื่นตัวของผู้ประกอบการที่เริ่มหันมาสนใจนำทุกส่วนจากโกโก้ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มูลค่าสูงหลายรูปแบบ เช่น เครื่องสำอาง น้ำสกัดโกโก้ ฯลฯ
นานณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เป้าหมายที่สำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมโกโก้คือ การผลักดันให้พันธุ์ต่าง ๆ ที่กำลังพัฒนาและปลูกในแต่ละภูมิภาคก้าวสู่การเป็นสินค้า GI เพื่อตอกย้ำการเป็นแบรนด์ของท้องถิ่น ที่บ่งบอกถึงคุณภาพ แหล่งที่มาของสินค้า และโอกาสเพิ่มมูลค่าของโกโก้ในรูปแบบของสินค้าและบริการ รวมถึงพัฒนาให้มีความโดดเด่นในเชิงคุณภาพ อัตลักษณ์ทางรสชาติ และหลีกเลี่ยงการแข่งขันในเชิงปริมาณ ดังเช่นที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จมาแล้วกับอุตสาหกรรมกาแฟ รวมถึงการพัฒนาสารสกัดจากโกโก้ไทยที่เป็นทั้งสารสกัดจากกลิ่น รสชาติ และคุณประโยชน์ซึ่งสามารถสร้างคุณค่าและมูลค่าใหม่ที่เหนือไปกว่ารูปแบบของเดิม โดยได้มอบนโยบายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) สนับสนุนโกโก้ในเชิงรุกผ่านการเข้าไปให้ความรู้ การนำเครื่องจักร เทคโนโลยี และระบบอัตโนมัติเข้าไปสนับสนุนผู้ประกอบการ รวมถึงในด้านการพัฒนามาตรฐานทั้งด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับโกโก้โดยตรง ตลอดจนการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) วางแผนการส่งเสริมโกโก้ในระยะ 3 ปี (2567-2569) โดยวางเป้าเพิ่มจำนวนผลผลิตภาคเหนือเพิ่มขึ้น 240 ตัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้น 57 ตัน ภาคใต้เพิ่มขึ้น 113 ตัน ภาคตะวันออกเพิ่มขึ้น 682 ตัน และภาคกลางเพิ่มขึ้น 5 ตัน คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านบาท ด้วยมาตรการต่าง ๆ ประกอบด้วย 1) พัฒนาบุคลากรภาคการเกษตร 2) พัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการ 3) พัฒนาปัจจัยเอื้อ 4) ส่งเสริมด้านการตลาดโดยนำผู้ประกอบการแปรรูปโกโก้ ซึ่งในปีนี้ได้เน้นการทดสอบตลาดในงานแสดงสินค้า เช่น THAIFEX ANUGA ASIA 2024 งาน Craft Cocoa Village ฯลฯ ส่วนในปี 2568-2569 จะเน้นการผลักดันเข้าสู่โมเดิร์นเทรดให้มากขึ้น
“นอกเหนือไปจากเกษตรอุตสาหกรรม โกโก้ยังมีความสำคัญในมิติซอฟต์พาวเวอร์ในด้านอาหาร ที่สามารถพัฒนาได้ทั้งสินค้าสร้างสรรค์ รูปแบบของอาหารใหม่ ๆ และสามารถทำให้ไทยในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมมีส่วนแบ่งมูลค่าจากตลาดโกโก้ และอาหารที่มากขึ้น รวมถึงการเชื่อมโยงกับงานเทศกาล (Festival) ที่เป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จะเกิดขึ้นจากกิจกรรมการท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวชุมชน ธุรกิจคาเฟ่ สปา สินค้าของฝากและสินค้าไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ด้านความงามและสุขภาพรวมถึงการบูรณาการกับสมาคมการค้าโกโก้และช็อกโกแลตไทยที่มีแผน 3 ปี ในการเพิ่มเทรนเนอร์มืออาชีพ สร้างผู้มีความรู้ในการทำคราฟต์ช็อกโกแลต และสร้างตรารับรองโกโก้ รวมทั้งการร่วมกันจัด Asian Chocolate Festival เพื่อตอกย้ำให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายโกโก้ที่สำคัญของโลกพร้อมสร้างเครือข่ายอย่างน้อย 33 ประเทศ นอกจากนี้ ยังใช้โมเดลชุมชนดีพร้อม และดีพร้อมฮีโร่ เพื่อให้เศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ และธุรกิจเป็นที่รู้จักในระดับภูมิภาคและในระดับประเทศ และนำไปสู่การส่งต่อความสำเร็จไปยังชุมชนอื่นๆ”
ดีพร้อมได้กำหนดให้จังหวัดน่านเป็นพื้นที่ต้นแบบการปลูกโกโก้ทั่วประเทศภายใต้แนวคิด “น่านโมเดล” โดยมุ่งหวังสร้างความนิยมการปลูกพันธุ์โกโก้น่าน 133 ที่เป็นสินค้า GI โดยการเพิ่มจำนวนพื้นที่เพาะปลูกและจำนวนผู้ประกอบการ สร้างต้นแบบธุรกิจ หรือดีพร้อมฮีโร่ขึ้น โดยมีผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ คือโกโก้วัลเลย์ (Cocoa Valley) ต้นแบบธุรกิจโกโก้ครบวงจรของน่านที่มีศักยภาพตั้งแต่การปลูก แปรรูปจนถึงการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จากการเข้าร่วมโครงการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมต้นแบบอัจฉริยะ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่พร้อมเข้าสู่การแข่งขันในตลาดโลก โดยทุกวันนี้โกโก้วัลเลย์ ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของจังหวัดน่าน สำหรับผู้ที่ชื่นชอบโกโก้และช็อกโกแลต และขณะเดียวกันธุรกิจนี้ยังได้ส่งต่อความรู้การปลูกโกโก้ให้กับเกษตรกรในชุมชน สร้างรายได้ และผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชนโดยรอบมากกว่า 300 ชุมชน
นายมนูญ ทนะวัง ผู้ก่อตั้ง Cocoa Valley Resort เปิดเผยว่า โกโก้ที่ปลูกในพื้นที่จังหวัดน่านส่วนใหญ่เป็น ฝ”โกโก้สายพันธุ์ น่าน133” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ของประเทศไทยที่พัฒนาขึ้นโดยโกโก้วัลเล่ย์ เริ่มต้นจากการทดลองปลูกบนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ใน Cocoa Valley Resort ด้วยแนวทางแบบเกษตรอินทรีย์ และส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือปลูกและเป็นลูกสวนรวมกว่า 400 ราย โดยมีการรับซื้อผลสดของโกโก้สายพันธุ์ น่าน133 ถึงกิโลกรัมละ 20 บาท ซึ่งต่างจากเดิมที่เคยได้กิโลกรัมละ 8-10 บาท
“กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้เข้าให้คำปรึกษา เข้ามาช่วยยกระดับพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของตลาดด้วยสินค้าที่ผลิตจากโกโก้แท้ โดยเน้นสร้างมูลค่าและเอกลักษณ์ที่แตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ อาทิ ช็อกโกแลตบาร์ โกโก้พร้อมชง ชาโกโก้ บราวนี่โกโก้ โกโก้คุกกี้ โกโก้สแน็ค สครับโกโก้ สบู่ ลิปบาล์ม และบอดี้โลชั่น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเรียนรู้กระบวนการปลูกและแปรรูปโกโก้ พร้อมพักผ่อนในที่พักท่ามกลางธรรมชาติ และยังเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์แปรรูปโกโก้ไปสู่โมเดิร์นเทรด อาทิ ห้างสรรพสินค้าโตคิว Tops The Mall และกำลังจะขยายตลาดสู่ประเทศญี่ปุ่น” นายมนูญ กล่าว.-517.-สำนักข่าวไทย