กทม.5 ก.ย.- รองโฆษก ตร.แจงกรณีสื่อนำเสนอข่าวหนุ่มอายุ 32 ตกเป็นแพะคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวเดนมาร์กเมื่อปี 57 แล้วจับคนร้ายตัวจริงได้ ไม่มีแม้คำขอโทษจากผู้เกี่ยวข้อง
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยกรณีสื่อนำเสนอข่าว “หนุ่มอายุ 32 ตกเป็นแพะคดีข่มขืนนักท่องเที่ยว โดยถูกตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ จับตัวส่งเข้าคุก สุดท้ายตอนหลังจับคนร้ายตัวจริงได้ แต่ชีวิตไม่เหมือนเดิม สังคมรังเกียจ ไร้งานทำ แม้แต่คำขอโทษยังไม่มี” นั้น เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อ 27 ก.ย. 2557 มีคนร้ายชายขับขี่รถจักรยายนต์พา ผู้เสียหาย สัญชาติเดนมาร์ค โดยตกลงไปส่งที่พัทยา แต่กลับพาไปที่เปลี่ยวไร่มันสำปะหลัง บังคับให้ถอดเสื้อผ้าและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ก่อนหยิบเอาทรัพย์สินในกระเป๋าสะพาย หลังก่อเหตุคนร้ายขับขี่รถจักรยายนต์พาผู้เสียหายออกจากที่เกิดเหตุ ผู้เสียหายฉวยโอกาส ขณะรถชะลอความเร็ว กระโดดลงจากรถ ร้องขอความช่วยเหลือ คนร้ายจึงขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ต่อมาวันที่ 3 ต.ค. 2557 ตำรวจได้นำตัวผู้ร้อง ( หนุ่มอายุ 32) สงสัยว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุมาให้ผู้เสียหายชี้ตัว ซึ่งผู้เสียหายก็ชี้ตัวและยืนยันว่า ผู้ร้อง(หนุ่มอายุ 32 ) เป็นผู้ก่อเหตุ เนื่องจากจำรูปร่าง สำเนียงพูด และรูปหน้าจอโทรศัพท์ของผู้ร้อง ยิ่งจำได้ทันทีว่าใช่ของคนร้าย ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ จึงจับกุมผู้ร้อง ตามหมายจับศาลพัทยา ลงวันที่ 3 ต.ค. 2557 โดยกล่าวหาว่า ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ หน่วงเหนี่ยวทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ร้องให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นพนักงานสอบสวน ไนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลพัทยา ต่อมาตำรวจได้จับกุมตัวนายไตรรงค์ กลัดแก้ว คนร้ายตัวจริงได้ พนักงานสอบสวนจึงยื่นคำร้องขอปล่อยตัวผู้ร้อง เมื่อ 17 ต.ค. 2557 ว่า เรื่องดังกล่าวผู้ร้อง มีสิทธิ์ฟ้องร้องตามกฎหมาย แต่ทั้งนี้ กระบวนการสืบสวนสอบสวนในทุกคดีล้วนมาจากพยานหลักฐานทางคดี ซึ่งในเรื่องดังกล่าวผู้เสียหายเองที่ยืนยันกับตำรวจว่าผู้ร้องเป็นผู้กระทำความผิด หากแต่เป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อนของผู้เสียหายซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ และเมื่อตำรวจมีพยานหลักฐานใหม่และสามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงได้ ก็รีบดำเนินการขอปล่อยตัวผู้ร้อง โดยไม่มีผู้ใดมีเจตนาที่จะทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย
