รัฐสภา 3 ก.ค.- “อดิศร” แซะ “ศุภมาส” เป็น รมว.อว. แค่ “แต่งตัว ทาแป้ง ทาลิปสติก ไปเปิดงาน” ไม่มีอำนาจอะไร เหตุ กม.อุดมศึกษา ห้ามการเมืองยุ่ง ลั่นถ้าให้เป็นก็ไม่เอา ขี้เกียจไปเปิดงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม ในระหว่างการพิจารณา พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การอุดมศึกษา (ฉบับที่..)พ.ศ…. นายอดิศร เพียงเกษร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ในฐานะที่เคยอยู่แวดวงการศึกษามาตั้งแต่ปี 2535-2537 ที่กระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้ขอแสดงความเห็นว่าสภาฯ แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านและรัฐบาล หรือ สว.ที่จะพึงมีต่อไป เรียกว่ารัฐสภา เป็นฝ่ายการเมืองของประเทศนี้ ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ แต่กฎหมายฉบับนี้มีส่วนดีก็เยอะ เมื่อพิจารณาโดยระเอียดรอบคอบ รัฐมนตรีซึ่งไปจากฝ่ายการเมือง คือ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ซึ่งต้องขอแสดงความดีใจและชื่นชม ที่รัฐมนตรีได้ประสบความสำเร็จในทางการเมือง แต่ไม่ทราบว่าอำนาจหน้าที่ของท่านได้ทำอะไรบ้างในแต่ละวันๆ ทั้งที่กำกับดูแลสถาบันอุดมศึกษา และนอกจากดูแลแล้ว ท่านเข้าไปรู้เรื่องอะไรในการตั้งต้นงบประมาณหรือไม่ เพราะในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ มาตรา 45 งบบุคลากร งบดำเนินงาน งบรายจ่ายอื่น เขาของบฯผ่านสำนักงบฯโดยตรง ไม่ผ่านหรือไม่ให้รัฐมนตรีได้มีโอกาสพิจารณาร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ปัจจุบันนี้อุดมศึกษาต่างๆ จะกลายเป็นรัฐข้าราชการหรือไม่ ตนถึงบอกว่า วันๆ ท่านทำอะไร มหาวิทยาลัยต่างๆ ก็เชิญท่านไปเปิดงาน แต่เวลาของบฯ เขาไปขอผ่านสำนักงบฯ
“คุณศุภมาสครับ แต่งตัว ทาแป้ง ทาลิปสติก ไปเปิดงาน ส่วนงบประมาณเขาไม่ให้ดูแล เพราะสำนักงบฯ ผูกขาดเป็นราชการ มิหนำซ้ำเขาไม่ไว้ใจฝ่ายการเมืองเลย ดูมาตรา 50/5 วรรคสองได้ระบุ การดำเนินการตามวรรคหนึ่งต้องคำนึงถึงความคล่องตัว มีความโปร่งใส ไม่มีการขัดกันระหว่างผลประโยชนฺส่วนบุคคล และประโยชน์ส่วนรวม และปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง ท่านไปอยู่ทำไม นอกจากเชิญประธานขึ้นสู่ยอดเสาอย่างเดียว เขาไม่ให้ฝ่ายการเมืองไปแทรกแซงเลย ไปทำอะไรก็ไม่ได้ และรัฐมนตรีคือฝ่ายการเมือง สส.ก็คือฝ่ายการเมือง เวลาเขามีอำนาจก็มาขอฝ่ายการเมือง แต่เวลาได้อำนาจไปเขาไม่ให้ฝ่ายการเมืองไปยุ่งเลย สถาบันการศึกษาจึงเป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดาวนพเคราะห์ หมุนรอบรัฐธรรมนูญหรือหมุนรอบวิธีการงบประมาณ ผมจึงต้องขอสังเกตว่า เดี๋ยวนี้เรากำลังออกกฎหมายเพื่อใส่กุญแจมือฝ่ายการเมืองด้วยกันเองหรือไม่ ใครไปเป็นรมว.อว.ต่อไป ถ้าเป็นคิวผม ผมไม่เอาจริงๆ เพราะขี้เกลียดเปิดงาน” นายอดิศร กล่าว
นายอดิศร กล่าวต่อว่า ดังนั้นหากมีการตั้งคณะกรรมาธิการ ขอให้แก้มาตรานี้ด้วย หากไม่อยากให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปยุ่ง ก็ให้ตั้งเป็นกระทรวงอิสระ เอาปลัดกระทรวง หรือใครมาเป็น ไม่ต้องมายุ่งกับรัฐมนตรี หรือ สส.หรือ สว. อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตนพูดก็เพราะอยากให้ น.ส.ศุกมาส มีอำนาจในตำแหน่ง รมว.อว. จึงเห็นว่ากฎหมายแบบนี้จะผ่านความเห็นชอบได้อย่างไร ในเมื่อเขาปรามาสและดูถูกฝ่ายการเมือง ไม่ว่าฝ่ายค้านและรัฐบาลห้ามแทรกแซง ทั้งที่นโยบายการศึกษาเป็นนโยบายของรัฐบาล และถ้าผ่านกรรมาธิการมาแล้วยังมีคำนี้อยู่ ตนเผาตำราเลย อย่ามาอาศรัยอำนาจของพวกตน.-315 -สำนักข่าวไทย