เตรียมตรวจสอบห่วงโซ่ราคาปาล์มน้ำมัน ดันให้เกษตรกรขายได้ 5 บาท/กก.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “ธรรมนัส” เผยเตรียมตั้งคณะทำงานตรวจสอบห่วงโซ่ปาล์มน้ำมัน ป้องกันการบิดเบือนกลไกราคา เตรียมขึ้นทะเบียนลานเทและลานรับซื้อผลปาล์มของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบทุกแห่ง หาสาเหตุที่ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรจำหน่ายได้ต่ำกว่าที่ควร ย้ำจะผลักดันให้ราคาปาล์มไม่ต่ำกว่า 5 บาทต่อกิโลกรัม


ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มซึ่งจะมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับติดตามตรวจสอบการซื้อขายปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำเพื่อให้ราคาซื้อขายเกิดความเป็นธรรม โดยเตรียมแต่งตั้งคณะทำงานระดับจังหวัดขึ้นใน 7 จังหวัดภาคใต้ที่มีองค์ประกอบจากฝ่ายต่างๆ คล้ายชุดเฉพาะกิจพญานาคราช เบื้องต้นจะสั่งการให้ขึ้นทะเบียนลานเทและลานรับซื้อผลปาล์มของโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบทุกแห่งเพื่อให้ตรวจสอบได้ง่ายว่า การจำหน่ายปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรมายังลานเท จากลานเทไปยังโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) และจากโรงสกัด CPO ไปยังโรงกลั่น B100 เพื่อผสมเป็นน้ำมันไบโอดีเซล มีการบิดเบือนกลไกราคาตรงจุดใด

ทั้งนี้ที่ประชุมครม. เศรษฐกิจซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเห็นสมควรให้ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ตามมาตรา 7 แห่งพ.ร.บ. การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 ซื้อน้ำมันไบโอดีเซล (B100) ตามราคาประกาศของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในเว็บไซต์ https://www.eppo.go.th/index.php/th/petroleum/price/structure-oil-price ซึ่งราคา ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2567 อยู่ที่ 35.54 บาทต่อลิตรซึ่งราคาดังกล่าวคำนวณจากราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เฉลี่ยที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เผยแพร่ ล่าสุดนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรับที่จะไปเจรจาขอความร่วมมือจากปตท. บางจาก และผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่อื่นๆ ขณะนี้บางจากนำร่องตามมาตรการดังกล่าวเป็นรายแรก


นอกจากนี้จะติดตามตรวจสอบการซื้อน้ำมันไบโอดีเซลของผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ตามมาตรา 7 โดยจะใช้อำนาจตามมาตรา 311 พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หากพบว่า ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ไม่ซื้อขายตามราคาประกาศของสนพ. ดังนั้นมั่นใจว่า ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำของห่วงโซ่ปาล์มน้ำมันจะเกิดราคาที่เป็นธรรม

สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งเป็นต้นน้ำเนื่องจากดูแลเกษตรกรชาวสวนปาล์มจะวางแผนการผลิตปาล์มน้ำมันใหม่ โดยให้อุปสงค์สอดคล้องกับอุปทานเพื่อไม่ให้เกิดภาวะผลผลิตล้นตลาดจนเป็นเหตุให้ราคาตกต่ำ

ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวถึงการบริหารจัดการห่วงโซ่ปาล์มน้ำมันว่า ประมาณ 1 ใน 3 ของผลผลิตปาล์มใช้ทำ B100 อีกส่วนบริโภคในประเทศโดยผลิตเป็นน้ำมันปรุงอาหาร และส่งออกประมาณ 20% ขณะนี้สต๊อกน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 230,00 ตันซึ่งยังต่ำกว่าระดับสต๊อกที่เหมาะสม 250,000 ตัน ดังนั้นสต๊อกน้ำมันปาล์มจึงไม่ได้เกินจนเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ตกลงมา โดยเห็นว่า ราคาจำหน่ายผลปาล์มน้ำมันของเกษตรควรไม่ต่ำกว่า 5 บาท ดังนั้นตนจึงต้องทลายกำแพงที่สร้างความไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกรให้ได้


ทั้งนี้กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์จึงต้องหาข้อเท็จจริงว่า สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ตกต่ำลงและจะร่วมกันหามาตรการรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มเพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ซ้ำกันอีกทุกปี นอกจากนี้กระทรวงเกษตรฯ จะยกระดับการป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ที่มีกฎหมายห้ามนำเข้าอยู่แล้ว โดยมีหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชร่วมกับฝ่ายความมั่นคงลงพื้นตรวจสอบอย่างเข้มข้น

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุถึงสถานการณ์ปาล์มน้ำมันเดือนมิถุนายน 2567 ว่า ราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคม เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 4.09 บาท จากเดือนพฤษภาคมกิโลกรัมละ 3.95 บาท ทั้งนี้มีสาเหตุจาก ผลผลิตจะออกสู่ตลาดลดลงจากเดือนพฤษภาคมประมาณ 1.649 ล้านตัน โดยปาล์มน้ำมันให้ผลผลิตต่อเนื่องทั้งปี โดยช่วงที่ให้ผลผลิตน้อยคือ ปลายปีต่อเนื่องต้นปี ส่งผลให้ราคาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน 2567 ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4 บาทกว่าถึง 5 บาท แต่ช่วงที่ให้ผลผลิตมากที่สุดคือ ตั้งแต่เดือนมีนาคม – มิถุนายนจึงเป็นช่วงที่ราคาปรับลด

สถานการณ์ปาล์มน้ำมัน ปี 2567 ซึ่งการผลิตรวมทั้งประเทศ พบว่า (ข้อมูลพยากรณ์ ณ 26 มีนาคม 2567) เนื้อที่ให้ผล 6.381 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีเนื้อที่ให้ผล 6.248 ล้านไร่ โดยเพิ่มขึ้น 132,959 ไร่หรือร้อยละ 2.13 ผลผลิต 18.121 ล้านตัน ลดลงจากปีที่แล้วที่ให้ผลผลิต 18.267 โดยลดลง 146,471 ตันหรือร้อยละ 0.80 ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล 2,840 กิโลกรัมต่อไร่ ลดลงจาก 2,924 กิโลกรัมต่อไร่ โดยลดลงจากปีที่แล้ว 84 กิโลกรัมต่อไร่หรือร้อยละ 2.87

ทั้งนี้ที่คาดการณ์ว่า ภาพรวมเนื้อที่ให้ผลผลิตในภาคใต้จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากเกษตรกรปลูกปาล์มน้ำมันใหม่เมื่อปี 2564 ซึ่งเป็นการปลูกปาล์มน้ำมันแทนยางพารา บางส่วนขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันแทนพื้นที่นา พื้นที่รกร้าง โดยเริ่มให้ผลผลิตได้ในปีนี้ ทั้งนี้ การขยายเนื้อที่ปลูกปาล์มน้ำมันเมื่อปี 2564 มีสาเหตุมาจากราคาปาล์มน้ำมันตั้งแต่ปี 2564 อยู่ในเกณฑ์ดี

ส่วนผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลผลิตรวมทั้งประเทศคาดว่า ลดลงเนื่องจากในช่วงปลายปี 2565 จนถึงพฤษภาคม 2566 ต้นปาล์มน้ำมันได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอ ทำให้ทางใบบางส่วนพับ ต้นปาล์มน้ำมันไม่สมบูรณ์ การออกทะลายที่จะเก็บในปี 2567 ลดลง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 จนถึงต้นปี 2567 ปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอต่อความต้องการของต้นปาล์มน้ำมันซึ่งอาจส่งผลให้น้ำหนักต่อทะลายลดลง

สำหรับผลผลิตปีนี้ซึ่งออกสู่ตลาดมากสุดตั้งแต่เดือนมีนาคม – มิถุนายน คิดเป็นร้อยละ 38 ของผลผลิตทั้งหมด โดยเดือนพฤษภาคมผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 1.694 ตัน เกษตรกรเก็บผลผลิตไปกระจุกตัวหน้าลานเท ส่งผลให้ราคาผลปาล์มน้ำมันทั้งทะลายคละที่เกษตรกรขายได้เดือนพฤษภาคมปรับลดมาอยู่ที่เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.95 บาท แต่ระยะนี้ที่เป็นปลายช่วงให้ผลผลิตมากราคาจึงปรับขึ้นดังกล่าว. 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร