บีโอไอ ย้ำไทยศูนย์กลาง Talent ต่างชาติทักษะสูง ให้วีซ่าแล้ว 5.6 หมื่นคน

กรุงเทพฯ 30 พ.ค.-  บีโอไอ ย้ำประเทศไทยจุดหมายสำคัญของกลุ่ม Talent และชาวต่างชาติศักยภาพสูง ล่าสุดอนุมัติวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ผ่านศูนย์ One Stop Service รวมกว่า 56,000 คน ทั้ง LTR Visa, Smart Visa และผู้เชี่ยวชาญต่างชาติที่ทำงานภายใต้โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน แนวโน้มได้รับความสนใจจากนักลงทุนและกลุ่ม Talent เพิ่มขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตที่เกิดขึ้นทั่วโลก


นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นจุดหมายสำคัญสำหรับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง ทั้งบุคลากรที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญพิเศษ (Talent) นักลงทุน และผู้ที่ต้องการเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในประเทศไทย โดยมีแนวโน้มได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้งแนวโน้มการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตและบุคลากรที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งกลุ่ม Talent ต่างชาติเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการเข้ามาทำงานร่วมกับบุคลากรไทย เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของไทยให้ก้าวสู่เศรษฐกิจใหม่ ในปัจจุบันมีบุคลากรต่างชาติกว่า 56,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัญชาติญี่ปุ่น จีน อินเดีย ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ที่ได้รับอนุมัติผ่านศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (One Stop Service) ที่ชั้น 18 อาคารจามจุรีสแควร์ ซึ่งเป็นการให้บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว รวมทั้งมีการให้บริการผ่านระบบออนไลน์ Single Window โดยความร่วมมือระหว่างบีโอไอ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกระทรวงแรงงาน

“ท่ามกลางกระแสการแย่งชิงบุคลากรที่มีศักยภาพสูง หรือ Talent War ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ประเทศไทยมีศักยภาพหลายด้านที่ดึงดูด Talent และบุคลากรชาวต่างชาติที่มีคุณภาพสูงให้เข้ามาทำงานและอยู่อาศัยทั้งโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย ความน่าอยู่และความเป็นมิตรของคนไทย ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีดิจิทัล โรงเรียนนานาชาติกว่า 200 แห่ง โรงพยาบาลชั้นนำมาตรฐาน JCI มากกว่า 60 แห่ง ซึ่งสูงสุดในอาเซียน สามารถรองรับการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และที่สำคัญคือการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ซึ่งเป็นภารกิจที่บีโอไอให้ความสำคัญมาโดยตลอด และเดินหน้าพัฒนาการให้บริการของศูนย์ One Stop Service รวมทั้งระบบบริการออนไลน์ Single Window ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายนฤตม์ กล่าว


โดยในจำนวนบุคลากรต่างชาติกว่า 56,000 คน ที่ได้รับอนุมัติให้เข้ามาทำงานและพำนักในประเทศไทยในปัจจุบัน ประกอบด้วย ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติที่เข้ามาทำงานภายใต้โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำนวนประมาณ 50,000 คน นอกจากนี้ เป็นชาวต่างชาติที่ได้รับอนุมัติภายใต้ SMART Visa ซึ่งเป็นวีซ่าเพื่อดึงดูดบุคลากรทักษะสูงเข้ามาทำงานและพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เน้นขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งกลุ่ม Startup รวมทั้งสิ้น 2,170 คน ส่วนใหญ่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา รัสเซีย สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และเยอรมัน

สำหรับวีซ่าพำนักระยะยาวหรือ Long-Term Resident Visa (LTR Visa) ซึ่งเป็นมาตรการล่าสุดที่รัฐบาลได้มอบหมายให้บีโอไอเป็นผู้รับผิดชอบหลัก เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 กลุ่มเข้าสู่ประเทศไทย ได้แก่ 1) ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 2) ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย 3) ผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง 4) ผู้เกษียณอายุ รวมทั้งผู้ติดตาม สามารถพำนักในประเทศไทยได้ 10 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้งที่เดินทางเข้าออกประเทศ อีกทั้งจะได้รับอนุญาตให้ทำงาน โดยลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ เหลือร้อยละ 17 และยังได้รับการผ่อนปรนระยะเวลาการรายงานตัวกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จากปกติทุก 90 วัน เป็นปีละ 1 ครั้ง โดยปัจจุบันได้อนุมัติ LTR Visa รวมทั้งสิ้นกว่า 4,000 คน มาจากสหรัฐอเมริกามากที่สุด 791 คน รองลงมา ได้แก่ รัสเซีย 479 คน สหราชอาณาจักร 332 คน จีน 277 คน เยอรมัน 236 คน ญี่ปุ่น 207 คน และฝรั่งเศส 198 คน

ที่ผ่านมาได้มีการอนุมัติวีซ่าดังกล่าวให้แก่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำระดับโลกที่มีการลงทุนหรือตั้งสำนักงานในประเทศไทยหลายแห่ง อาทิ บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี, บริษัท โรเบิร์ตบ๊อช ออโตโมทีฟ เทคโนโลยีส์, บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์, บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์, บริษัท ไอเอชไอ พาวเวอร์ ซิสเต็ม, บริษัท ดูคาติ มอเตอร์, บริษัท อะเมซอน ดาต้า เซอร์วิสเซส เป็นต้น


ทั้งนี้ Smart Visa และ LTR Visa ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษเข้ามาทำงานในระยะยาว กระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเกิดเม็ดเงินในการใช้จ่ายโดยตรงของชาวต่างชาติกระจายไปยังภาคส่วนอื่น ๆ ของประเทศ.-517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง