เมืองทองธานี 16 พ.ค.-กกต.-มท. ติวเข้ม เตรียมพร้อมจัดเลือก สว. เลขาฯ กกต. ยันได้ สว.ตามไทม์ไลน์ บอกนักวิชาการ-นักกฎหมาย จ้อผ่านสื่อฯ ไม่อ่านกฎหมายทำสังคมสับสน เตือนฮั้วกันเอง มีโทษ ศาลเคยวินิจฉัยแล้ว
กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดสัมมนาเตรียมความพร้อมการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 2567 ให้กับ ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด ผอ.สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดทั่วประเทศ นายอำเภอ และผอ.สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต โดยนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ได้ชี้แจงแนวทางปฏิบัติ และขั้นตอนกระบวนการเลือก สว. ภารกิจ บทบาท ของจังหวัด อำเภอ และเขต ถือเป็นการซักซ้อมร่วมกันในพื้นที่ วันนี้เป็นการทำความเข้าใจครั้งสุดท้าย ก่อนลงสนามจริง และไม่ได้กังวลอะไร เพราะในระเบียบก็เขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว และทุกอย่างมีรายละเอียดครบถ้วน
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะมอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง สนับสนุนการเลือก สว. การร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย และเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาชุมนุมสาธารณะ และใช้กลไกของกระทรวงในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในการเลือก สว. อาทิ หอกระจายข่าว เสียงตามสาย ข้อมูลข่าวสารการเลือกสว.ไปสู่ประชาชน รวมถึงให้ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านลงพบปะประชาชน
นายแสวง กล่าวตอนหนึ่งว่า หน่วยงานของกระทรวงมหาดไทยเหมือนกระดูกสันหลังของการเลือก หรือเส้นเลือดใหญ่ของการเลือกตั้ง ซึ่งถือว่ามีประสบการณ์ และให้ความร่วมมือในการจัดการเลือกตั้งต่างๆ ในช่วงที่ผ่านๆ มา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเลือก สว. ครั้งนี้ ซึ่งยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีผู้สมัครจำนวนเท่าไหร่ แต่ข้อมูลจนถึงเมื่อวันที่ 15 พ.ค. มีคนรับใบสมัครไปแล้วประมาณ 17,000 คน ดังนั้น ภาระงานของผู้ปฏิบัติงานหน้างานจะมีมาก นอกจากจัดการเลือกสว.แล้ว ยังมีหน้าที่ส่งศาลฎีกาเกี่ยวกับคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม ถือเป็นภาระหนักเพราะเวลามีจำกัด อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับสำนักงานฯให้สนับสนุนผู้ว่าฯ นายอำเภอเต็มที่ ที่ไหนมีพนักงานเพียงพอก็ประกบทุกหน่วย ทั้งนี้ในหน้างานปัญหาเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แต่ตนเชื่อว่า ด้วยการสนับสนุนของกระทรวงมหาดไทยจะทำให้การเลือก สว.สำเร็จ เรียบร้อย
นายแสวง กล่าวอีกว่า ส่วนที่เป็นประเด็นมาร่วม 2-3 เดือน ที่คนอาจจะยังไม่ได้รับข้อมูล หรือรับแล้ว แต่เบียงประเด็นให้คนในสังคมสับสน กกต.เจอสภาพนี้มาตลอด อย่างเช่น ที่มีนักวิชาการที่ไปให้ข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ ก็ไม่อ่านกฎหมายสักตัว แล้วพูดไปทำให้สังคมเกิดความสับสน แต่ยืนยันว่า สิ่งที่กกต.ออกแบบนั้นเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เราก็ต้องทำตามกฎหมาย หากหลุดออกจากกฎหมายก็เข้าคุก เข้าตะราง ทั้งนี้ แม้จะบอก สว.ให้เป็นกลาง แต่ก็เป็นการเมืองอยู่ดี ดังนั้นเมื่อมีการแข่งขัน มักไม่ได้พูดถึงความถูกต้อง แต่พูดถึงใครได้ใครเสีย แต่สำหรับ กกต.จะต้องพูดถึงความถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย แต่ที่สังคมสับสน ส่วนหนึ่งคือบรรดานักวิชาการ นักกฎหมายที่ไปพูดผ่านสื่อ ไม่อ่านกฎหมายสักตัวแล้วพูดให้สังคมสับสน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การเลือกสว.ครั้งนี้มีความซับซ้อน แต่หากพิจารณาและทำเป็นขั้นเป็นตอน ก็ถือว่าไม่ซับซ้อน
“สว.ครั้งนี้ รัฐธรรมนูญมาตรา 107 ให้มาจากการเลือกกันเองจากผู้มีความรู้ประสบการณ์ ประวัติการทำงาน อ่านสองบรรทัดก็รู้แล้วว่าประชาชนไม่มีสิทธิ แต่การเลือก สว.นั้น ไม่ใช่การเลือกคนมาจากอนาคตเหมือนการเลือก สส. ที่อนุญาตให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ ว่าเมื่อเป็นแล้วจะทำอะไร แต่ สว.ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่ในการออกกฎหมายต่างๆ ต้องการคนดี ซึ่งดูจากประวัติที่ผ่านมา ไม่ใช่ดูจากคำพูดว่า เข้าไปแล้ว จะไปทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ ไม่ได้เลือกจากการแสดงวิสัยทัศน์ จุดยืนเหมือนนักการเมือง กกต.ก็ต้องมาออกแบบการเลือก ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด” นายแสวง กล่าว
ส่วนการแนะนำตัวของผู้สมัคร ขณะนี้ กกต.ได้แก้ไขระเบียบแนะนำตัวแล้ว สามารถแนะนำตัวผ่านสื่อโซเชียลทุกแพลตฟอร์มได้ แต่ต้องเป็นไปตามระเบียบแนะนำตัวตามแบบ สว.3 ขอให้ศึกษาระเบียบแนะนำตัวให้ชัดเจน ทั้งนี้ยอมรับว่าในการเลือก สว. ในครั้งนี้ ตนรู้สึกสบายใจ เพราะหลายคนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ และจะเข้าใจกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ จากการศึกษาเอง แต่รายละเอียดบางอย่างจะต้องมีการซักซ้อมเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นายแสวง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการป้องกันการฮั้ว เพิ่มเติมจากกรณียกคำวินิจฉัยของศาล ว่า คงไม่เกี่ยวกับทางกระทรวงมหาดไทย หรือ กทม. เพราะเป็นเรื่องของการทำให้การเลือกไม่บริสุทธิ์และเที่ยงธรรม ถือเป็นสำนวนเป็นคำร้อง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานในการที่จะป้องกัน การจัดตั้ง หรือการฮั้ว การออกเสียงเลือก สว.ก็ถือว่า เป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่มาเล่าให้ที่ประชุมฟัง ก็เพื่อที่จะบอกว่า ไม่มีกระบวนการใด ที่จะหยุดยั้งให้เราไม่ได้ สว.200 คน ซึ่งความผิดดังกล่าวไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้ชัดเจน เพียงแต่บอกว่าในกระบวนการเลือก ทั้งผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผอ.เขต ดูแลอยู่แล้วและจะรับผิดชอบโดยตรง และต้องวินิจฉัย แต่การทำให้การเลือกไม่สุจริตและเที่ยงธรรม หรือ การฮั้ว การซื้อเสียง ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งเป็นสำนวน อาจต้องใช้เวลา เพราะต้องสืบพยานบุคคล เพราะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มาประกอบการพิจารณา ไม่ใช่กระบวนการ ซึ่งเป็นวิธีการลงคะแนน วิธีการนับคะแนน ซึ่งเราจะวินิจฉัยทันที
เมื่อถามว่ามีประชาชนให้ความสนใจและมาขอรับใบสมัคร 17,000 คน สะท้อนอะไรหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า เราเฝ้าดูอยู่ เพราะยังมีเวลาจนถึงวันที่ 24 พ.ค. ซึ่งต้องดูว่าอีกประมาณ 10 กว่าวัน คนจะมาสมัครเพิ่มหรือไม่ ตอนนี้ยังคาดคะเนอะไรไม่ได้ ส่วนกรณีหากมีผู้มาสมัครน้อย ตามกฏหมายระบุว่า หากสมัครไม่ครบกลุ่ม ให้ดำเนินการเลือกตามมาตรา 19 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วย สว. และถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มผู้สมัคร สว. ไปยื่นศาลปกครองเรื่องระเบียบการแนะนำตัวของผู้สมัคร สว. และเตรียมนัดพิพากษาในวันที่ 24 พ.ค.นี้ มีแผนรองรับอะไรหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ต้องดูว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร
ทั้งนี้ ได้คาดการณ์หรือไม่ว่าหากระเบียบยังมีปัญหา ต้องแก้ไขอีกหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ไม่อยากพูดเรื่องในอนาคต แต่ขอให้รอดูคำวินิจฉัย และยืนยันว่า ตนไม่มีอะไรหนักใจในการเลือกสว.ชุดนี้ เพียงแต่มีคนอื่นหนักใจแทนเรา
เมื่อถามว่าเรื่องการฮั้ว หากมีข้อมูลเราสามารถตัดไฟแต่ต้นลมได้หรือไม่ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า หากมีครบถ้วนสมบูรณ์ และสามารถวินิจฉัยได้เลย แต่เรื่องการฮั้ว ต้องอาศัยการสืบสวนสอบสวน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องกระบวนการ ก็จะเห็นทันที จะดำเนินการได้ง่ายกว่า ทั้งนี้เราอยากทำให้การสืบสวนสอบสวน ไม่ว่าจะเป็นสำนวนในการทุจริต หรือกระบวนการ เราอยากทำให้เสร็จ เพื่อให้สะเด็ดน้ำในทุกอำเภอ เว้นแต่มีความซับซ้อน ในการหาพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และพยานบุคคล แต่ถ้ามีเพียงพอก็ดำเนินการได้เลย
นายแสวง ยังกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 17 พ.ค. กกต.จะจัดงาน คิ๊กอ็อฟ การเลือกส.ว.ที่จะเป็นการทำเอ็มโออยู ร่วมกับสำนักข่าวไทยและกรมประชาสัมพันธ์ ในการรณรงค์และให้ความรู้เรื่องการเลือก สว.-314 -สำนักข่าวไทย