ระยอง 10 พ.ค. – “พัชรวาท” ส่งทีมติดตามสถานการณ์สารเคมีทั้งกรณีเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมีของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัดและบริษัท วิน โพรเสส จำกัด กำชับรายงานสถานการณ์ต่อเนื่อง สื่อสารข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบ และร่วมกับหน่วยงานร่วมแก้ปัญหาเร่งด่วน
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมายให้นายโกเมนทร์ ทีฆธนานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นางกัญชลี นาวิกภูมิ และนายสุรินทร์ วรกิจธำรง รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษติดตามสถานการณ์ผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมจากเหตุเพลิงไหม้โกดังสารเคมีของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด อ. บ้านค่ายและเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมีของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด
นางสาวปรีญาพรกล่าวว่า กรณีเพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมีของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด หลังควบคุมเพลิงได้แล้ว หน่วยงานในพื้นที่กำลังเร่งจัดการความเสี่ยงในส่วนของกากของเสียที่ยังตกค้างในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมซึ่งผลการตรวจวัดไอระเหยสารเคมีในอากาศในพื้นที่ชุมชนของกรมควบคุมมลพิษสอดคล้องกับหน่วยงานต่างๆ คือ ตรวจพบสารอินทรีย์ระเหยง่ายปริมาณเล็กน้อยกระจายตัวในรัศมี 15 กิโลเมตร ในปริมาณที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางการหายใจแบบเฉียบพลันซึ่งพล.ต.อ. พัชรวาทกำชับให้เร่งตรวจสอบการปนเปื้อนของสารพิษอย่างละเอียดทั้งในดิน น้ำ อากาศ พร้อมรายงานข้อมูลข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบเพื่อคลี่คลายความวิตกกังวลในการใช้ชีวิตต่อไป
ส่วนกรณีเหตุเพลิงไหม้โกดังสารเคมีในพื้นที่ของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด พบว่า ยังมีปัญหากากของเสียอันตรายและไอระเหยจากสารเคมีที่ยังคงตกค้างในพื้นที่เพลิงไหม้ซึ่งกากของเสียตกค้างมีความเสี่ยงที่จะรั่วไหลออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอกสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่
จากการตรวจวัดไอระเหยสารเคมีในอากาศพบว่า มีแนวโน้มลดลงจนไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนแบบเฉียบพลัน เหลือเพียงปัญหากลิ่นเหม็นสารเคมี ซึ่งพล.ต.อ. พัชรวาทกำชับให้ตรวจติดตามและเฝ้าระวังปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน และให้เร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหากากของเสียตกค้าง และวิธีการป้องกันผลกระทบที่อาจจะเพิ่มขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูฝน และได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้รวดเร็ว ใช้องค์ความรู้ที่มีเสนอการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเต็มความรู้ความสามารถ โดยต้องยึดหลักความปลอดภัยเป็นสำคัญ. 512 – สำนักข่าวไทย