กรุงเทพฯ 27 มี.ค.-การรถไฟฯ เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มจองตั๋วและชำระค่าโดยสาร เพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ รองรับสังคมไร้เงินสดแบบครบวงจร
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรถไฟฯ ได้พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ดีที่สุดแก่ผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำนวัตกรรม มาพัฒนาระบบการจองตั๋วโดยสาร และชำระค่าตั๋วโดยสารใหม่ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการจองและชำระเงินแก่ผู้โดยสาร
ได้ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต และการสแกน QR Code ผ่าน Mobile Application ของธนาคาร เพื่อก้าวสู่สังคมไร้เงินสดแบบครบวงจร โดยเริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่บัดนี้
ทั้งนี้ ในระบบจองตั๋วโดยสารรถไฟ ผู้โดยสารสามารถเลือกจองได้ผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่
– ช่องทาง Mobile Application
– ช่องทาง Website D-Ticket : https://www.dticket.railway.co.th
– ช่องทางจำหน่ายตั๋วผ่านสถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ
– ช่องทาง Call Center : 1690
สำหรับวิธีการชำระค่าตั๋วโดยสาร สามารถชำระได้ ดังนี้
– กรณีจองตั๋วโดยสารผ่านระบบออนไลน์ ได้แก่ ช่องทาง Mobile Application และช่องทาง Website D-Ticket : https://www.dticket.railway.co.th สามารถชำระได้ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.จ่ายผ่านระบบบัตรเดบิต 2.บัตรเครดิต และ 3.การสแกน QR Code ผ่าน Mobile Application ของธนาคาร
– กรณีจองตั๋วโดยสารผ่านสถานีรถไฟ หรือจองผ่านศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ 1690 สามารถชำระได้ที่สถานีรถไฟผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ 1.บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต 2.การสแกน QR Code ผ่าน Mobile Application ของธนาคาร 3.ผ่านบัตรสวัสดิการของรัฐ 4.ผ่าน TrueMoney Wallet และ 5.ชำระเป็นเงินสด
“การพัฒนาระบบจองตั๋วและชำระค่าโดยสารผ่านทาง QR Code บัตรเครดิต บัตรเดบิต ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ในการชำระค่าโดยสารแก่ประชาชน อีกทั้งยังสอดรับกับนโยบายการก้าวสู่สังคมไร้เงินสดของรัฐบาล ซึ่งระบบนี้จะมีความสะดวกอย่างมาก ทั้งการชำระค่าตั๋วโดยสาร รวมถึงกรณีเกิดเหตุจำเป็นต้อง
คืนเงินค่าตั๋ว ซึ่งหากได้ชำระผ่าน QR Code บน Mobile Application ของธนาคาร จะสามารถรับเงินสดคืนได้ทันทีที่ช่องจำหน่ายตั๋วของสถานีรถไฟทุกแห่ง ส่วนผู้ชำระผ่านบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต จะได้รับค่าตั๋วคืนเข้าบัตรภายใน 45 วัน ที่สำคัญผู้ซื้อตั๋วโดยสารผ่านออนไลน์ สามารถแสดงตั๋วผ่านโทรศัพท์มือถือSmartphone ให้เจ้าหน้าที่บนขบวนรถตรวจสอบได้อีกด้วย”
นายเอกรัช กล่าวต่อว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา การรถไฟฯ ได้มุ่งเน้นการให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยพัฒนาบริการใหม่ๆ ทั้งการพัฒนาแอปพลิเคชันเช็กตารางเดินรถ (SRT TIMETABLE) เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจเวลาขบวนรถในเส้นทางที่ต้องการจะเดินทาง การพัฒนาแอปพลิเคชันติดตามขบวนรถ (TRAIN TRACKING SYSTEM) เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานะ ตำแหน่ง และสามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างสะดวก ช่วยสร้างความมั่นใจในการเดินทาง โดยผู้สนใจเดินทาง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย.-513-สำนักข่าวไทย