ที่ว่าการอำเภอหนองวัวซอ 19 ก.พ.-นายกฯ เผยเตรียมยกระดับความเป็นอยู่-แก้หนี้ทหาร บอกไม่ตัดกำลังพลทหาร “หมอ-พยาบาล-เทคนิคการแพทย์-เภสัช” เตรียมหารือเหตุรายได้ สธ.-ทหาร ไม่เท่าเทียมกัน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปเยี่ยมค่ายทหารประจักษ์ศิลปาคม และโรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคม ว่า ได้เดินทางไปร่วมกับ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) เพื่อไปตรวจเยี่ยมค่าย และดูบ้านพักทหารที่สร้างมา 100 กว่าปี บางแห่งก็กว่า 80 ปี และได้เดินทางต่อไปดูที่โรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคมที่มี 200 เตียง ซึ่งมีประชาชนหนาแน่น
การเดินทางไปตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนทั้งหมดที่ได้วางไว้ โดยได้พูดคุยกับ ผบ.ทบ. ไปหลายเรื่อง ทั้งเรื่องบ้านพัก เรื่องของโรงพยาบาล เรื่องหนี้ของทหาร รวมทั้งเรื่องกำลังพลที่มีการพูดกันว่าจะมีการลดจำนวนกำลังพล แต่อย่าไปพูดถึงการลดกำลังในส่วนของแพทย์ พยาบาล และเทคนิคการแพทย์ เพราะบางเรื่องที่เป็นเรื่องเฉพาะทาง อย่างเช่น แพทย์ พยาบาลหรือเทคนิคการแพทย์ ไม่ควรจะลดกำลังพล เพราะโรงพยาบาลทหารทั่วประเทศทุกโรงพยาบาลบริการประชาชนประมาณ 70-80% และแพทย์มีไม่เพียงพอ อย่างที่โรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคม มีหมอเพียง 19 คน มีจำนวนเตียงผู้ป่วย 200 เตียง ทำให้ไม่เพียงพอจะเห็นได้ว่ามีประชาชนจำนวนมากเข้าไปรับบริการ ทั้งนี้เมื่อได้ถามประชาชนที่เข้าไปรับการรักษาว่าพอใจหรือไม่ ซึ่งประชาชนทุกคนยืนยันว่ามีความสุขมาก และการไปครั้งนี้ตนไม่ได้กำหนดไว้ในแผน ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนยังได้ไปดูในเรื่องของอุปกรณ์ว่าเพียงพอหรือไม่ รวมทั้งบุคลากรและรายได้ของเภสัชกรที่ยังขาดแคลนอยู่ โดยเฉพาะเภสัชกรที่ทำงานในโรงพยาบาลทหาร มีรายได้ที่น้อยกว่าเภสัชกรที่ทำงานของสาธารณสุข เป็นข้าราชการเหมือนกัน แต่มีรายได้ที่แตกต่าง ซึ่งตนก็สงสัยว่าทำไมถึงต้องมีข้อแตกต่างแบบนี้ โดย ผบ.ทบ.ได้นั่งรถมาด้วยกันได้มีการพูดคุยกันมีหลายเรื่องที่เราสามารถที่จะทำได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น
เมื่อถามถึงเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่ จะสามารถเริ่มได้ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีส่วนและประชาชนก็ใช้อยู่แล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายมากมายไปหมด ซึ่งเดี๋ยวจะมีการพูดคุยกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
เมื่อถามว่า จะสามารถเข้าร่วมในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้ด้วยกันใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้แน่นอนทั้งหมด แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่บุคลากรที่มีไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทหารก็มีโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกองทัพบก มีส่วนในการช่วยผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญการที่จะลดกำลังพลจะต้องไม่เกี่ยวกับส่วนนี้
ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขและทางทหารสามารถที่จะบูรณาการงานร่วมกันได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอน เพราะโรงพยาบาลทหารปัจจุบัน 70% เป็นพลเรือนที่เข้ารับการรักษา โรงพยาบาลใหญ่ๆ อย่างโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าและอีกหลายที่ ประชาชนก็เข้าไปรับบริการ ซึ่งโรงพยาบาลจำนวน 200 เตียง มี 10 กว่าโรงพยาบาลทั่วประเทศ และทุกโรงพยาบาลกว่า 70% ทำหน้าที่ดูแลประชาชน อีกทั้งสถานบริการขนาดเล็กอย่างสถานีอนามัย ก็ต้องช่วยกันดูแลตรงนั้นด้วย
ด้าน ผบ.ทบ. กล่าวด้วยว่า โรงพยาบาลทหารสามารถอยู่ร่วมในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้ และโรงพยาบาลทหารก็รับบัตรทองด้วย.-316.-สำนักข่าวไทย