ลูกสาวภรรยาฝรั่งหายปริศนา เชื่อแม่น่าจะเสียชีวิตแล้ว

นครราชสีมา 27 ม.ค.- กรณีสาววัย 46 ภรรยาฝรั่งหายตัวปริศนานานกว่า 20 วัน ญาติเร่งสูบน้ำออกจากสระ หลังวิญญาณไปเข้าสิงชาวบ้านบอกถูกฆ่ายัดถุงดำถ่วงน้ำ ลูกสาวเชื่อแม่น่าจะเสียชีวิตแล้ว 


กรณีการหายตัวไปของ น.ส. อรทัย อายุ 46 ปี ชาวนครราชสีมา หายตัวไปอย่างปริศนา พี่สาวได้โพสต์ตามหาในเฟซบุ๊กว่าพี่สาว ได้หายตัวออกจากบ้านไป 20 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.67 จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบตัว บรรดาญาติพี่น้องต่างมั่นใจว่าการหายตัวไป ในครั้งนี้น่าจะมีเงื่อนงำบางอย่าง เพราะเอกสารต่างๆ ยังอยู่ครบทั้งบัตรประจำตัวประชาชน เอทีเอ็ม สมุดธนาคาร เสื้อผ้า รองเท้า พ่อของ น.ส. อรทัย บอกว่าปกติแล้วเวลาที่ลูกสาวไปไหนจะบอกตลอด ไม่เคยหายไปแบบนี้ ตอนนี้เป็นห่วงมากไม่รู้ว่าลูกจะมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เพราะหายออกจากบ้านไปตั้ง 20 กว่าวันแล้ว จึงอยากให้หลายหน่วยงานช่วยตามหา หรือใครพบเห็นช่วยแจ้งที

ส่วนสามีชาวต่างชาติ ยอมรับก่อนภรรยาหายตัวไป ได้เกิดมีปากเสียงกันค่อนข้างรุนแรง เรื่องทริปที่จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยเป็นมะเร็งที่พัทยา ซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกัน จากนั้นตัวเองก็เข้าไปนอนในห้อง แล้วไม่เห็นภรรยา จึงเดินทางไปพัทยาเพียงลำพัง และกลับมาไม่เห็นภรรยากลับเข้าบ้านมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนความรู้สึกตอนนี้คิดถึงและเป็นห่วงภรรยา ยังมีความหวังว่าภรรยาจะกลับบ้านมาโดยเร็ว


อย่างไรก็ตาม น้องสาวนางสาวอรทัยที่ เล่าว่า พี่สาวจดทะเบียนสมรสอยู่กินกับสามีชาวสวิตเซอร์แลนด์ และอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาได้ 2 ปีเศษแล้ว ก่อนหน้านี้พี่สาวได้มีสามีเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์มาก่อนหนึ่งคน แต่สามีเสียชีวิตเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และได้ทิ้งทรัพย์สินมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท เอาไว้ให้ จากนั้นพี่สาวได้พบรักกับสามีปัจจุบันและตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย

ก่อนที่พี่สาวจะหายตัวไป เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ตนเองและพี่น้องที่นั่งดื่มสังสรรค์อยู่หน้าบ้านที่อยู่ติดกับบ้านพี่สาว ได้ยินเสียพี่สาวและสามีทะเลาะกันเป็นภาษาอังกฤษอย่างรุนแรง ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ก่อนที่พี่สาวจะเปิดประตูออกมาร้องไห้ที่หน้าบ้าน โดยไม่ได้บอกอะไร แล้วกลับเข้าไป จากนั้นทุกอย่างก็เงียบเป็นปกติ 

เช้าวันรุ่งขึ้นวันที่ 9 ม.ค.67 สามีของพี่สาวได้หอบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ประมาณ 2 – 3 ใบ ขึ้นรถเก๋งออกจากบ้านไป โดยไม่บอกใคร และตลอดทั้งวันนั้นไม่มีใครพบพี่สาว จึงโทรศัพท์ไปถามกับสามีของพี่สาว ตอบเพียงว่าพี่สาวไปเล่นไพ่ ส่วนตัวเองอยู่พัทยามาเยี่ยมเพื่อน จึงไม่ได้ติดใจอะไร ต่อมาทางสามีพี่สาวเดินทางกลับมาบ้านช่วงค่ำๆ ยังไม่มีใครพบพี่สาว กระทั่งมาวันที่ 10 ม.ค.67 ที่ผ่านมา มีคนพบรถจักรยานยนต์ของพี่สาวไปจอดทิ้งเอาไว้ที่ทุ่งนาห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร จึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรครบุรี เพื่อให้ช่วยตามหา แต่จนถึงวันนี้ยังไม่พบตัวพี่สาว จึงมั่นใจว่าพี่สาวอาจจะถูกใครพาตัวไปหรืออาจถูกฆาตกรรม 


ทางบ้านของนางสาวอรทัย ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนบ้านที่ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ว่าลูกสาวของเขาถูกวิญญาณของ น.ส.อรทัย เข้าสิง แล้วบอกหมายเลขโทรศัพท์ของแม่ (แม่ น.ส.อรทัย) เพื่อให้ช่วยติดต่อญาติพี่น้องให้ช่วยงมเอาร่าง น.ส.อรทัย ที่จมอยู่ในสระน้ำใกล้กับจุดที่พบรถจักรยานยนต์ ทางน้องสาวของนางสาวอรทัย ทางปลายสายที่โทรมานั้น เหมือนกับเสียงของ น.ส.อรทัย ร้องให้ช่วยเอาขึ้นจากสระน้ำ จึงติดต่อกู้ภัยให้ช่วยมาค้นหา กู้ภัยใช้เวลาค้นหาภายในสระน้ำที่เป็นบ่อดินนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ยังไม่พบร่างของ น.ส.อรทัย ที่เป็นผู้หายตัวไป จึงยุติการค้นหา

ล่าสุดวันนี้ (27 ม.ค. 67) พ่อของ น.ส.อรทัย ได้นำธูปเทียนและข้าวปลาอาหาร ไปจุดไหว้เจ้าที่ที่ริมสระน้ำกลางนาใกล้กับจุดที่รถจักรยานยนต์ของ น.ส.อรทัย ถูกนำมาจอดทิ้งไว้เพื่อให้ช่วยเปิดหูเปิดตาและช่วยให้ติดตามหาร่างลูกสาวให้พบโดยเร็ว แม้ว่าทางชุดประดาน้ำ ได้นำกำลังลงงมค้นหาบริเวณจุดนี้มาแล้วถึงสองรอบและก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ  นื่องจากยังมีสายโทรศัพท์จากทั้งญาติพี่น้องและบุคคลอีกอีกหลายสายโทรมาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า น.ส.อรทัย ลูกสาวถูกฆ่ายัดถุงดำแล้วนำไปถ่วงน้ำที่สระน้ำบริเวณนั้น

ขณะที่ทางครอบครัวของ น.ส.อรทัย ได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ให้ช่วยหาเครื่องสูบน้ำเพื่อไปสูบน้ำออกจากสระดังกล่าว ซึ่งได้รับอนุญาตจากเจ้าของสระเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็มีชาวบ้านนำเครื่องสูบน้ำ 2 เครื่องไปช่วยสูบน้ำออกจากสระที่มีความกว้างประมาณ 15 เมตร ยาว 20 เมตร และลึกประมาณ 2 เมตรเศษ ด้วยความหวังว่าจะพบตัวของ น.ส.อรทัย

ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และตำรวจท้องที่  กระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาข่าว ส่วนหนึ่งได้เข้าไปตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.อรทัย อีกรอบ แต่ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนทางด้านสามีชาวต่างชาติคนใหม่ของ น.ส.อรทัย วันนี้ทางเหน้าที่ตำรวจ สภ.ครบุรี ได้เชิญตัวไปทำการเก็บดีเอ็นเอ เอาไว้ประกอบข้อมูลตามวิธีการของทางเจ้าหน้าที่

จากการพุดคุยกับลูกสาวของ น.ส.อรทัย กับสามีเก่าชาวไทย บอกกับตำรวจว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค.67 เวลาประมาณทุ่มเศษ แม่ติดต่อมาถามว่าอยากไปเที่ยวด้วยกันไหม แต่ตัวเองติดสอบเลยบอกว่าไม่ได้ไป และแม่ถามถึงวิธีการตรวจสอบและกู้คืนข้อมูลการสนทนาผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ มีน้ำเสียงเหมือนกำลังร้องไห้ จึงคิดว่าสามีใหม่ของแม่อาจจะมีผู้หญิงคนอื่นจึงทำให้แม่อย่างไปเช็กแอปพลิเคชันเหล่านี้ ซึ่งอาจะเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองมีปากเสียกันก่อนที่แม่ตัวเองจะมาหายตัวไปจนถึงทุกวันนี้

ลูกสาวตอบอย่างหมดหวังว่าคิดว่าแม่ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีผู้ชายเดินเข้ามาในบ้านแล้วแม่หายตัวไป หากมองในภาพแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นสามีใหม่ของแม่ เพราะเคยอยู่ด้วยกันจึงรู้จักและจำกิริยาท่าทางได้เป็นอย่างดี.–สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น-ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น เตือนภาคใต้ตอนล่างฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดยภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่