นนทบุรี 27 ก.ค. – ปลัดพาณิชย์เผยเกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจยกระดับสินค้าเกษตรผ่านโครงการนาแปลงใหญ่ แนะต้องปรับเสริมความรู้เจ้าหน้าที่ระดับปฎิบัติเข้าใจก่อนถึงจะถ่ายทอดสำเร็จ พร้อมแนะเกษตรกรปกป้องสิทธิ์ขายสินค้าจะต้องดูแลด้วยตนเอง
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องเกษตรกรชาวนาและชาวสวนพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงนโยบายการจัดทำพื้นที่นาแปลงใหญ่มากนักและมักจะเจอคำถามกลับมาตลอดว่าแล้วราคาสินค้าเกษตรปีต่อ ๆ ไปจะดีกว่าปัจจุบันหรือไม่ และส่วนราชการจะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไร ทำให้ไม่ค่อยจะเข้ามาร่วมกับแนวทางการส่งเสริมโครงการนาแปลงใหญ่กันมาก ซึ่งเห็นว่าน่าจะเกิดความไม่เข้าใจหรือการอธิบายระดับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้เกษตรกรยังไม่เข้าใจดีนัก ดังนั้น หากจะให้เกษตรกรในพื้นที่เข้ามาร่วมตามโครงการของภาครัฐจำเป็นต้องเสริมความรู้ความเข้าใจเจ้าหน้าที่ภาครัฐให้ดีก่อน เพื่อจะได้มีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกรในพื้นที่นั่น ๆ ต่อไป ซึ่งกระทรวงพาณิชย์โดยเฉพาะพาณิชย์จังหวัดจะต้องมีความรู้ความเข้าใจโครงการต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยกำชับไปบ้างแล้ว
นอกจากนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดเรื่องของโครงการยกระดับราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าวเปลือกฤดูกาลต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมาภาครัฐพยายามส่งเสริมให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวจะนำข้าวเปลือกไปขายโรงสีจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่เมื่อลงพื้นที่เกษตรกรส่วนใหญ่ร้องเรียนขายข้าวเปลือกให้กับโรงสีไม่ได้ราคาดี โดยเฉพาะถูกหักความชื้นข้าวเปลือกอัตราสูงมากเหลือเงินไม่มากและเกษตรกรบางรายขาดทุนจากการขายข้าวเปลือกไม่มีกำไร จึงถามสาเหตุที่ขายข้าวเปลือกได้ราคาไม่ดีถูกหักความชื้นสูงทั้งที่มีแนวทางติดตามดูแลที่จะลดปัญหาเกษตรกรขายข้าวเปลือกไม่ได้ราคาดีในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้นำข้าวเปลือกไปขายให้กับโรงสีด้วยตนเองจะเป็นการฝากให้นายหน้าหรือกลุ่มคนที่ดิวกับทางโรงสีโดยตรงมารับข้าวเปลือกจากที่นาเกษตรกรไปขายต่ออีกทอดหนึ่งและเมื่อโรงสีรับซื้อข้าวเปลือกก็จะระบุข้าวเปลือกมีอัตราความชื้นสูงมาก จึงทำให้ได้ราคาข้าวเปลือกไม่ดีมากนัก
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในไปศึกษาหารูปแบบที่จะช่วยเหลือเกษตรกรไม่ให้ถูกกดราคาโดยอ้างความชื้นสูงบ้างแล้ว โดยไปดูว่าจะจัดทำรูปแบบในเอกสารในการซื้อขายข้าวเปลือกระหว่างเกษตรกรและโรงสี หรือหากโรงสีมารับซื้อที่นาจะหักหรือบวกค่าขนส่งมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะต้องแจงรายละเอียดให้เกษตรกรทราบและให้มีความสะดวกและรัดกุมมากกว่านี้ และเกษตรกรจะต้องเป็นผู้อยู่ด้วยในช่วงที่ขายสินค้าเกษตรไม่ควรผ่านพ่อค้าคนกลางมากนัก โดยขณะนี้ราคาข้าวเปลือกอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉลี่ยข้าวเปลือกเจ้าราคาอยู่ที่ 7,000-8,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกหอมมะลิเฉลี่ยอยู่ที่ 10,000-11,000 บาท หากยังปล่อยให้พ่อค้าคนกลางเป็นผู้จัดการโดยเกษตรกรไม่เข้ามาดูก็เชื่อว่าจะแก้ไขปัญหาถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบไม่ได้อย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย