กรุงเทพฯ 13 ม.ค.- ปตท.แจ้งผลกระทบจากมติคณะรัฐมนตรีเรื่องมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้ารวม 6.5 พันล้านบาท เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครอง หรือยื่นต่ออัยการสูงสุด กรณีเงิน Shortfall 4.3 พันล้านบาท
บมจ.ปตท.แจ้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 12 ม.ค.67 ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.66 เรื่องมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ ปตท. ประกอบด้วย (1)การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ(2)การส่งผ่านราคาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย กรณีผู้ผลิตไม่สามารถส่งมอบก๊าซฯ ได้ตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขายก๊าซฯ (“Shortfall”) โดยการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ ตามมาตรการข้างต้นส่งผลให้ต้นทุนของโรงแยกก๊าซฯ เปลี่ยนแปลงจากก๊าซฯ ในอ่าวไทยเป็นต้นทุนถัวเฉลี่ย ก๊าซฯ จากทุกแหล่ง ได้แก่อ่าวไทย พม่า และก๊าซธรรมชาติเหลว (LiquefiedNatural Gas: LNG) (“Pool Gas”) กระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่จะปรับสูงขึ้น ยกเว้นก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง(LPG)ในประเทศ มาตรการเหล่านี้ เป็นมาตรการระยะสั้นจนกว่าจะมีการกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซฯ อย่างเป็นทางการโดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (“กกพ.”) แล้วเสร็จ
โดยจากการประมาณการผลกระทบเบื้องต้น ในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2567 จะทำให้มีผลต่อการดำเนินงานโดยรวมของธุรกิจก๊าซฯ ของ ปตท. ปรับตัวลดลงประมาณ 6,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปตท. ได้วางแผนเพื่อหามาตรการในการลดผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น การปรับแผนการเดินเครื่องของโรงแยกก๊าซฯ (Optimization) การเสนอแนวทางการจัดหา LNG เพื่อให้บรรลุเป้าหมายกรอบราคาค่าไฟฟ้าตามนโยบายภาครัฐ รวมถึง ปตท. จะหารือกับกระทรวงพลังงานถึงผลกระทบที่เกิดข้ึนจากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ ในภาพรวมทุกด้าน เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ Shortfall ซึ่ง กกพ. ได้มีคำสั่งว่า ปตท. คำนวณราคา Pool Gas ไม่ถูกต้อง และให้ ปตท. นำผล Shortfall ช่วงเดือนตุลาคม 2563 – ธันวาคม 2565 มูลค่ารวมประมาณ 4,300 ล้านบาท มาคำนวณในราคา Pool Gas นั้น ปตท. เชื่อว่า ปตท. ได้คำนวณราคา Pool Gas ถูกต้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (“กพช.”) และประกาศ กกพ. ที่เกี่ยวข้องรวมทั้ถูกต้องตามสัญญาซื้อขายก๊าซฯ มาโดยตลอด ปตท. จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อ กกพ. ต่อมาปรากฏว่า กกพ. ได้มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของ ปตท. โดยให้ปตท. ปฏิบัติตามคำสั่งทันทีและหาก ปตท. ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ กกพ. ทาง ปตท. มีสิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง หรือยื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี พ.ศ. 2561 ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ กกพ.และคณะกรรมการ ปตท. ในการประชุมนัดพิเศษ คร้ังที่1/2567 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 จึงได้มีมติอนุมัติให้ ปตท. ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ กกพ. โดย ปตท. จะพิจารณาแนวทางดำเนินการหรือการใช้สิทธิตามกฎหมายที่จำเป็นและสมควรต่อไป .511 .-สำนักข่าวไทย