รัฐสภา 10ม.ค.-“ศิริกัญญา” เผย “ก้าวไกล” ไม่คิดยื่นศาล รธน.ตีความปม พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้าน เสียดายคำตอบกฤษฎีกาไม่ฟันธงทำได้-ทำไม่ได้ ถามวิกฤติเกิดขึ้นตอนไหน
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลยังเดินหน้าผลักดันร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท หลังจากกฤษฎีกาทำความเห็นกลับมายังรัฐบาลว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะเป็นจุดพลิกผันของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งจะได้พูดคุยกันในคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ วันนี้ (10 ม.ค.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาร่วมชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ ด้วย
“วันนี้จะได้รู้กันว่าวิกฤติเศรษฐกิจหน้าตาควรเป็นแบบใด สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ตามที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากล่าวไว้ ดิฉันมองว่าหากหน่วยงานต่าง ๆ ยังชี้แจงไม่ตรงกัน สุดท้ายแล้วโอกาสที่จะออกร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทจะริบหรี่ลงไปเรื่อย ๆ ส่วนคำนิยามของวิกฤติเศรษฐกิจควรจะมีตัวชี้วัดอย่างไรเพื่อให้เป็นที่ยอมรับตรงกัน ควรต้องอิงกับหลักสากล ตามหน้าตาของวิกฤติเศรษฐกิจที่ทั่วโลกนิยามใช้ตัวชี้วัดอะไรบ้าง และของประเทศไทยเป็นไปตามตัวชี้วัดเหล่านั้นหรือไม่ เพื่อจะได้ข้อสรุปที่เป็นจริงและเป็นวิทยาศาสตร์ว่าเป็นวิกฤติจริงหรือไม่ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตควรจะต้องพูดคุยให้ตกผลึกว่าจะใช้ตัวชี้วัดใด เพื่อจะชี้แจงกับประชาชนว่าประเทศกำลังวิกฤต แต่ดิฉันคิดว่าคงไม่ได้เป็นไปตามนิยามที่เป็นสากลตามปกติสักเท่าไหร่ สำหรับกรณีของประเทศไทย เราคงต้องดูว่ารัฐบาลจะใช้วิธีการใดที่คิดค้นขึ้นมาว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในวิกฤติ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ยืนยันว่าในส่วนของพรรคก้าวไกล ไม่มีความคิดจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างพ.ร.บ.กู้เงิน เพราะหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลให้เป็นไปตามวินัยการเงินการคลังจะสามารถพิจารณาได้ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอยู่แล้ว น่าเสียดายที่กฤษฎีกาไม่ได้ตีความตรง ๆ ว่าสรุปแล้วทำได้หรือไม่ ควรทำหรือไม่ แต่กลับบอกเพียงแค่ว่าถ้าถูกกฎหมายก็ทำได้ ถ้าไม่ถูกกฎหมายก็ทำไม่ได้ ก็เสียโอกาสที่อุตส่าห์รอคอยมา 1 เดือน แต่คำตอบกลับไม่ชี้ชัดฟันธง
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกรณีที่รัฐบาลอ้างว่าประเทศกำลังอยู่ในวิกฤติแต่กลับออกเป็นพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) แทนการออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ในทางกฎหมายสามารถทำได้ทั้งพ.ร.บ.และพ.ร.ก. แต่เมื่อคำนึงว่าปัญหาที่เป็นวิกฤติควรต้องแก้ไขเร่งด่วน รัฐบาลกลับเลือกทางที่ไม่ได้เร่งด่วน คือพ.ร.บ.ที่เว้นระยะเวลาและยังต้องรอผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ถ้าเป็นวิกฤติเร่งด่วนจริงอาจจะไม่ทันการณ์ก็ได้ หากเกิดข้อติดขัด เช่นหากวุฒิสภาไม่เห็นด้วยแล้วตีกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎรกรอบเวลาในการแก้ปัญหาที่วางไว้อาจเป็นไปไม่ได้ มองว่ามีความย้อนแย้งกันอยู่ แต่ต้องเริ่มตั้งแต่การนิยามว่าเป็นวิกฤติหรือไม่แล้ว เพราะนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต เปิดตัวตั้งแต่เดือนเม.ย. 66 และเราก็ยังรอกันมา 1 ปี จึงไม่รู้ว่าวิกฤตินี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนไหน
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีเชิญผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(แบงก์ชาติ)พูดคุยที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องยืนยันในหลักการของความเป็นอิสระของธนาคารกลางที่ทุกประเทศจำเป็นจะต้องเดินตามหลักการนี้ เพราะไม่ได้กระทบเพียงนโยบายทางการเงิน แต่รวมถึงเครดิตเรตติ้ง ซึ่งมีผลการศึกษาชี้ว่า ถ้ามีการแทรกแซงจากฝ่ายบริหารไปที่ธนาคารกลาง ก็มีโอกาสที่เครดิตเรตติ้งจะปรับลด เพราะจะคาดการณ์ว่ามีการแทรกแซงเพื่อให้ลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นวิวาทะที่เคยเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก จึงต้องขอให้นายกรัฐมนตรีทำเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวัง เพราะตามปกติจะไม่มีการแทรกแซงระหว่างฝ่ายบริหารและธนาคารกลาง.-312.-สำนักข่าวไทย