กรุงเทพฯ 4 ก.ย. – ผจก.ตลท. เผยตลาดหลักทรัพย์ไทยมีมูลค่าระดมทุน IPO สูงสุดในอาเซียน ตลาด mai โต 2เท่า ช่วง 5 ปี สะท้อน บจ.ไทยคุณภาพดีขึ้นต่อเนื่อง เร่งพัฒนาตลาดทุนสู่ระบบดิจิทัล พร้อมก้าวทันเทรนด์ลงทุนยั่งยืน
นายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึง “ความสำคัญของตลาดทุนต่อเศรษฐกิจไทย ในบริบทที่เปลี่ยนไป” ในการเปิดการอบรม “รู้เท่าทันโลกการลงทุน” ภายใต้โครงการอบรมความรู้เกี่ยวกับตลาดทุน สำหรับสื่อมวลชน ประจำปี 2566 โดยระบุว่า ตลาดทุนไทยมีบทบาทสำคัญในการสัตว์จัดสรรทรัพยากรทุน ทำให้ผู้ประกอบการมีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายและเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยนอกจากนี้ ยังเป็นทางเลือกในการระดมทุนในช่วงวิกฤติและเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของเศรษฐกิจไทยสู่ระดับภูมิภาค ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีมูลค่าระดมทุน IPO สูงสุดในอาเซียน และอยู่ในอันดับต้นๆของเอเชียและตลาดโลก โดยมีสภาพคล่องที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2565 ยังคงมีสภาพคล่องสูงที่สุดในอาเซียน บริษัทจดทะเบียนได้ขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆและมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในปี 2564 มี 317 บริษัทจดทะเบียนได้เปิดเผยรายได้จากต่างประเทศโดยรวมสูงถึง 4.38 ล้านล้านบาท
ขณะที่พัฒนาการตลาดทุนไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิต่อหุ้นสูงกว่าช่วงก่อนโควิดแล้วแม้จะยังไม่ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งส่งเสริมความยั่งยืนและพัฒนาตลาดทุนโดย มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการและโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวรองรับ Digital Disruption เกิดขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการพัฒนาสู่ระบบดิจิทัลถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังสนับสนุนการเข้าถึงตลาดทุนโดยเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพผ่าน LiVE Platform เปิดรับโอกาสใหม่ในแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล และ เพิ่มความหลากหลายในการลงทุนให้สามารถเข้าถึงการลงทุนต่างประเทศด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างๆ กลุ่มตลาดหลักทรัพย์มุ่งเน้นการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงทุกกลุ่ม stakeholders
สำหรับโอกาสในตลาดทุนไทย มองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้โดยเฉพาะในภาคท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้องท่ามกลางความผันผวนต่างๆทั่วโลกโดยเศรษฐกิจไทยมีวัธจักรที่แตกต่างกับประเทศอื่นมีอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงไม่มากเมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและเศรษฐกิจไทยมี macro stabilityที่สามารถรองรับเหตุการณ์ต่างๆในช่วงที่ผ่านมาได้ดี อย่างไรก็ตามยังต้องมีประเด็นที่ต้องติดตาม ที่เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงในการลงทุน ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกอัตราเงินเฟ้อนโยบายการเงินแล้วนี่ครัวเรือนนโยบายภาครัฐและความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์รวมถึงความเสี่ยงด้านผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้การลงทุนอย่างยั่งยืนกำลังกลายเป็นกระแสหลักในการลงทุนในตลาดทุนโลกและตลาดทุนไทย โดยปัจจุบัน (กรกฎาคม 2566 ) กองทุนรวม CG และ ESG มีมูลค่ารวม 47,935 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220% นับจากปี 2560 ขณะที่บริษัทจดทะเบียนไทยที่ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) จะให้ผลตอบแทนสูงกว่า บจ.ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก สำหรับทิศทางตลาดทุนไทยในอนาคต พัฒนาการในตลาดทุนไทยได้ปรับโฉมตลาดทุนไทยเปิดโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในสินทรัพย์หลักและสินทรัพย์ดิจิทัล โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอเข้ามาจดทะเบียนใน SET ราว 5-6 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 2 เท่า ชี้ให้เห็นถึงคุณภาพบริษัทจดทะเบียนที่มีพัฒนาการดีขึ้นต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย