นนทบุรี 21 ส.ค.-กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยยอดจัดตั้งนิติบุคคลทั่วประเทศในเดือน ก.ค.66 ยังเติบโตตามกระแสด้านการท่องเที่ยวที่ยังฟื้นตัวและต่อเนื่องตลอด 10 เดือน คาดตลอดปียอดจดทะเบียนตั้งใหม่ อยู่ที่ 79,000 – 86,000 ราย โดยธุรกิจก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ร้านอาหารมียอดสูงดี
รายงานข่าวจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแจ้งว่า กรมฯได้เปิดเผยยอดจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกรกฎาคม 2566 โดยมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 6,848 ราย เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็น 16.90% (กรกฎาคม 2565) แต่ลดลงจากเดือนที่ผ่านมาคิดเป็น 10.20% (มิถุนายน 2566) ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 545 ราย คิดเป็น 8% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 480 ราย คิดเป็น 7% และธุรกิจภัตตาคารร้านอาหาร จำนวน 342 ราย คิดเป็น 5% ตามลำดับ เป็นการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่สูงสุดในรอบ 10 ปี ของเดือนกรกฎาคม(กรกฎาคม 2557 – 2566) และสูงสุดในรอบ 10 ปี เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน (ม.ค. – ก.ค. 66) ทำให้การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ 7 เดือนแรก ปี2566 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 54,134 ราย เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา (7 เดือนแรก ปี 2565) คิดเป็น 17.28%
ขณะที่ การจดทะเบียนเลิกธุรกิจในเดือนกรกฎาคม 2566 มีจำนวน 1,867 ราย เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็น 21.00% และเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา (มิถุนายน 2566) คิดเป็น 12.54%ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดย3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 175 ราย คิดเป็น 9% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 103 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจภัตตาคารร้านอาหาร จำนวน 43 ราย คิดเป็น2% ตามลำดับ ทำให้ขณะนี้ การจดทะเบียนเลิกธุรกิจ 7 เดือนแรก ปี 2566 มีจำนวน 8,964 ราย เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน
ในปีที่ผ่านมา (7 เดือนแรก ปี 2565) คิดเป็น 18.70% ถือเป็นการจดทะเบียนเลิกธุรกิจ 7 เดือนแรกที่สูงสุดในรอบ 10 ปี (ปี 2557 – 2566)
ทั้งนี้ อาจมาจากธุรกิจมีการปรับตัวตามสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไปทำให้มีการปรับธุรกิจเพื่อเข้าสู่ตลาดจะเห็นได้จากการจดจัดตั้งใหม่ที่สูงและการจดเลิกธุรกิจก็สูงเช่นกัน ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการจดทะเบียนธุรกิจให้เติบโตสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาส่วนหนึ่งมาจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ แม้ 7 เดือนแรก ปี 2566 มีจำนวนการจดจัดตั้งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 71.45% โดยแยกเป็นธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเติบโต 2.18 เท่า, ตัวแทนธุรกิจการเดินทางเติบโต 1.58 เท่า, ธุรกิจจัดนำเที่ยวเติบโต 1.32 เท่า, ธุรกิจภัตตาคารร้านอาหารเติบโต 53.32% และ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุดเติบโต45.06%) มีสัดส่วนคิดเป็น 7.94% และยังมีธุรกิจน่าจับตามองที่เติบโตกว่า 1 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 7 เดือนแรก ปี 2565 ได้แก่ ธุรกิจขายส่งข้าวเปลือกและธัญพืชเติบโต 2.23 เท่า (เพิ่มขึ้น 114 ราย) คาดว่าเป็นผลมาจากนโยบาย BCG Model ของรัฐบาลที่ส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตข้าวรักษ์โลก ธุรกิจบริการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้างเติบโต 2.09 เท่า (เพิ่มขึ้น 297 ราย)
อย่างไรก็ตาม คาดว่าเป็นผลมาจากธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุดที่กลับมาฟื้นตัวตามภาคการท่องเที่ยวทำให้มีธุรกิจที่รับบริหารจัดการเกี่ยวกับที่พักอาศัย โรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจการปลูกพืชประเภทเครื่องเทศเครื่องหอมยารักษาโรค และพืชทางเภสัชภัณฑ์เติบโต 2.02 เท่า (เพิ่มขึ้น 235 ราย) คาดว่าเป็นผลมาจากนโยบายกัญชาทางการแพทย์ และธุรกิจให้เช่าและให้เช่าแบบลิสซิ่งยานยนต์เติบโต 1.74 เท่า (เพิ่มขึ้น 152 ราย) คาดว่ามาจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตและภาคธุรกิจที่นิยมการเช่ารถยนต์กันมากขึ้นจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้าคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 อยู่ที่ประมาณ32,000 – 39,000 ราย และตลอดทั้งปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 79,000 – 86,000 รายเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย