บก.ปปป.27 มิ.ย.- ผู้บังคับการปปป.เผย เตรียมขยายผลสืบสวนการทุจริตเงินทอนเพิ่มอีก 20 วัดทั่วประเทศ ย้อนหลังถึงปี2552 เบื้องต้น พบทุจริตมากกว่างบบูรณะปฏิสังขร์ เชื่อมโยงถึง งบ เผยแผ่พระพุทธศาสนาและงบอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติ เป็นกลุ่มข้าราชการและอดีตข้าราชการ
พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) กล่าวถึงผลการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีทุจริตงบประมาณบูรณะปฏิสังขณ์วัด หรือทุจริตเงินทอน ที่ห้องประชุมบก.ปปป. ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ว่า จะเน้นการขยายผลสืบสวนพฤติกรรมการกระทำผิด ในกลุ่มผู้ต้องหาใหม่ทั้งหมด โดยจะเริ่มตรวจสอบใน 20 วัด จากทั้งหมด 400 กว่าวัด ย้อนหลัง ไปจนถึงปี 2552 โดยเบื้องต้นพบข้อมูลว่า การทุจริตเงินทอน มีมากกว่า งบอุดหนุนในการบูรณะปฏิสังขรณ์ แต่รวมไปถึง งบอุดหนุนการเผยแผ่ กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาและงบอุดหนุนการศึกษางบพระปริยัติธรรม ซึ่งปีงบประมาณ 2559 มีงบส่วนนี้จากสำนักงานพระพุทธศาสนาลงสู่วัดทั่วประเทศที่ขอสนับสนุน รวม 4,671 ล้านบาท ลักษณะการกระทำผิดคล้ายเดิม ย้ำว่าวัดส่วนใหญ่พระถูกใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นข้าราชการในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีทั้งที่ข้าราชการปัจุบันและอดีตข้าราชการ แต่หากพบว่าพระบางรูปมีส่วนในการกระทำผิด ก็จะดำเนินคดีทั้งหมดไม่มีฐานละเว้น ส่วนวัดที่เข้าข่ายทุจริตมีกี่ราย จะมาเปิดเผยข้อมูลอีกครั้ง เมื่อมีการร้องทุกข์ อาจมีวัดในกรุงเทพมหานครเข้าข่าย แต่ต้องรอผลการสืบสวนพบการกระทำผิดที่ชัดเจนก่อนถึงจะสามารถเปิดเผยชื่อ ได้ ย้ำว่าการสืบสวนจะต้องทำอย่างรัดกุม และมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่ากระทำความผิดจริง ถึงจะนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดเผยข้อมูล เพื่อไม่ให้ไปกระทบสิทธิในการดำเนินชีวิต ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมที่สุด การรับทำคดีใหม่จะทำคู่ขนานระหว่างการทุจริตเงินทอนและการฟอกเงิน
ส่วนคดีเก่าพบการทุจริตใน12 วัด และ 10ผู้ต้องหา ส่งต่อให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.สอบสวน ทราบว่าขยายผลการสอบสวนพบการกระทำผิดเพิ่มใน 5 จังหวัดชายแดนภาตใต้ อีกว่า 60 วัด ปปป.จะไม่ทำคดีซ้ำกัน มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน ปปป.จะเน้นไปที่กลุ่มผู้ต้องหาชุดใหม่ เพื่อหยุดกระบวนการทุจริตเงินทอนที่เรื้อรังมานานนับ10ปี ขณะที่การติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหา เป็นอำนาจของป.ป.ช.แต่ทราบว่าผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการสังกัดพศ.และอดีตข้าราชการพศ.ยังไม่มารับทราบข้อกล่าว อาจต้องมีการออกหมายเรียกต่อไป ซึ่งที่ผ่านมามีการประสานขอข้อมูลจากพศ.มาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ใน 20 วัดทั่วประเทศ ต้องรอกระบวนการสืบสวน ระบุความผิดที่ชัดเจน มีการทอนเงิน การร้องทุกข์ก่อน ถึงจะมีการประชุมเพื่อมีการกำหนดเป้าหมายตรวจค้นอีกครั้ง หากพบว่าพระถูกใช้เป็นเครื่องมือ จะกันไว้เป็นพยาน .-สำนักข่าวไทย