กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – “มาริโอ้” เตรียมเข้าชี้แจงการซื้อรถที่ถูกเปลี่ยนข้อมูลในระบบกรมการขนส่งฯ ภายในสัปดาห์นี้ พบความผิดปกติเพราะซื้อรถยนต์ได้แต่เล่มทะเบียน รอสอบสวนว่ามีส่วนร่วมให้แปลงข้อมูลหรือไม่ และยังไม่พบเจ้าหน้าที่ขนส่งร่วมทำกับผู้ต้องหา
พล.ต.ต.อำนาจ ไตรรัตน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. ประชุมร่วมกับทีมสืบสวนสอบสวนในคดีการลักลอบเข้าระบบของกรมการขนส่งทางบก เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลรถ ก่อนนำเล่มทะเบียนไปขายต่อในราคาเล่มละ 1-2 ล้านบาท จนพบว่ามีรถจำนวน 65 คัน ถูกเปลี่ยนข้อมูล
พล.ต.ต.อำนาจ เปิดเผยว่า คดีนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 2 คนที่ร่วมกันลักลอบเข้าระบบ ซึ่งถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิเตอร์ และถูกส่งศาลไปแล้ว ส่วนอีกคดีจะเริ่มสืบสวนถึงกลุ่มที่ครอบครองรถทั้งหมด และจะออกหมายเรียกให้มาชี้แจงว่ามีส่วนรู้เห็นกับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือไม่ หากพบว่ามีความผิดจะดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐาน
ส่วนนายมาริโอ้ เมาเร่อ ได้ประสานขอเข้าพบเพื่อแสดงหลักฐานการครอบครองรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น G-300 สีขาว ภายในสัปดาห์นี้แล้ว โดยพูดคุยกันเบื้องต้นแล้วว่าได้ติดต่อซื้อรถมาจากรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง โดยได้เพียงเล่มทะเบียน แต่ยังไม่ได้รถยนต์ ซึ่งผิดปกติที่จะต้องซื้อขายรถยนต์ แต่ต้องรอมาสอบสวนและดูเหตุผลประกอบว่าจะมีความผิดหรือไม่ รวมทั้งต้องเรียกคนที่ขายรถให้มาสอบสวนด้วย
นอกจากนั้นจะเรียกผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์และรถยนต์ทั้ง 65 คัน มาตรวจสอบด้วย โดยบางส่วนได้มาสอบสวนแล้ว บางคนมีเพียงเล่มทะเบียน ไม่มีรถยนต์ บางคนมีทั้งสองส่วน บางคนมีรถแต่ไม่มีเล่มทะเบียน ซึ่งต้องดูว่ามีส่วนรู้เห็นให้เปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือไม่
ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จะเข้าข่ายความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารทางราชการหรือไม่ พล.ต.ต.อำนาจ กล่าวว่า ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีฐานความผิดครอบคลุมอยู่แล้ว โดยจะมีโทษเพิ่มตามความผิดมูลฐาน แต่น่าจะยังไม่เข้าข่ายฉ้อโกง เพราะยังไม่มีผู้เสียหาย เนื่องจากส่วนใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะสมยอมให้กระทำผิดร่วมกัน
สำหรับการสืบสวนขณะนี้ยังไม่พบความผิดของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก แม้ผู้ต้องหาจะบอกว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่กว่า 20 ปี และเชื่อว่าเป็นการใช้ความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่จนถูกลอบเข้าไปใช้ในระบบ ซึ่งตำรวจมีหลักฐานการลักลอบเข้าใช้ในระบบอยู่แล้ว และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าใครร่วมกระทำผิดบ้าง นอกจากนั้นจะประสานกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย