กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – สภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ลงมติไม่ให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมฯ ตามคำสั่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เนื่องจากอาจทำให้ฟีฟ่าแบนประเทศไทยได้
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นัดประชุมสภากรรมการ ครั้งที่ 4/2566 ณ ที่ทำการสมาคมฯ โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เดินทางมาร่วมประชุมด้วย หลังจากได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระบุเหตุผลว่า ปฏิบัติตามคำสั่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ที่ต้องการให้รับผิดชอบกรณีฟุตบอลชายซีเกมส์ไม่ได้เหรียญทอง และก่อเหตุตะลุมบอน
เมื่อ พล.ต.อ.สมยศ มาถึง มีแฟนบอลทีมชาติไทยชูป้าย เพื่อขอให้ยืนยันว่าจะทำทุกทางไม่ให้ฟุตบอลไทยถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) แบน เนื่องจากมีการแทรกแซงการบริหารงานสมาคมฯ จากฝ่ายการเมือง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า การจะแก้ไขไม่ให้ฟีฟ่าแบน ต้องไปแก้ที่คนจุดประเด็นนี้ ตนเป็นคนมีศักดิ์ศรี รักเคารพผู้ใหญ่ทุกคน แต่สิ่งที่ควรทำ คือ การเรียกไปคุย ไม่ใช่เอาตนไปประจานในที่ประชุม ตนมียศมีตำแหน่งเป็นถึง พล.ต.อ. อย่างไรก็ตาม ตนเป็นคนไทย รู้ว่าสิ่งที่จะเกิดกับวงการฟุตบอลไทยในอนาคตคืออะไร จะพยายามเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้น
จากนั้น พล.ต.อ.สมยศ ได้เข้าร่วมประชุมกับสภากรรมการ ก่อนที่ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะแถลงผลการประชุมว่า นายกสมาคมฯ ได้แจ้งกับที่ประชุมว่า มีเจตนาลาออกตามคำสั่งของ พล.อ.ประวิตร แต่การลาออกจากกรณีนี้จะเป็นปัญหาต่ออนาคตฟุตบอลไทย ทั้งการที่ฟีฟ่าจะมาจัดประชุมใหญ่ที่ประเทศไทย ก็จะไม่เกิดขึ้น และทีมฟุตบอลทีมชาติไทยจะไปแข่งต่างประเทศไม่ได้ เพราะมีเหตุแทรกแซงประมุขบอลไทย ดังนั้น สภากรรมการฯ จึงได้ลงมติสวนนายกสมาคมฯ คือ ยับยั้งไม่ให้ลาออก
พล.ต.ท.อำนวย กล่าวเพิ่มเติมถึงมาตรการที่จะไม่ให้ฝ่ายการเมืองแทรกแซง ต้องบอกฝ่ายการเมือง ซึ่งต้องทราบว่า สมาคมฯ เป็นสมาชิกของฟีฟ่าด้วย ส่วนวาระการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ของ พล.ต.อ.สมยศ จะหมดลงในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567. – สำนักข่าวไทย