กรุงเทพฯ 29 มิ.ย.-ก.ล.ต.จับตาแผนแก้ปัญหา STARK แม้ยื่นฟื้นฟูกิจการ ก็ไม่กระทบการดำเนินคดี ด้านดีเอสไอ เร่งรวบรวมหลักฐานเอาผิดคนโกงคาดมีมากกว่า 3 คน
นายธวัชชัย ทิพยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK แจ้ง แนวทางการดำเนินการของบริษัท กรณีส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ โดยจะยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายเพื่อดำเนินการฟื้นฟูกิจการ นั้น ทาง สำนักงาน ก.ล.ต.ก็ติดตามข้อมูลดังกล่าว ซึ่งแผนดังกล่าว ไม่กระทบกับการดำเนินการในด้านคดี ในขณะที่ ด้านความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นและผู้ลงทุนนั้น ทางสำนักงาน ก.ล.ต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการแก้ไขและเพิ่มกฎเกณฑ์การดูแลผู้ลงทุนให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการจัดทำแผนสร้างความเชื่อมั่น ภาพรวมจะนำเข้าสู่พิจารณาของคณะกรรมการบริหารของ ก.ล.ต.เพื่อพิจารณาในเดือน ก.ค.นี้
ทั้งนี้ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการ STARKแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ตามที่บริษัทได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2565 ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีและปรากฏว่าส่วนของผู้ถือหุ้นปี 2564 (ปรับปรุงใหม่) และปี 2565 มีค่าน้อยกว่าศูนย์ และตลาดหลักทรัพย์ฯประกาศให้หลักทรัพย์ของบริษัทมีเหตุเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ เรื่องการเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า บริษัทมิได้นิ่งนอนใจและจะดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขเหตุเพิกถอนดังกล่าว
บริษัทมีความตั้งใจที่จะปรับโครงสร้างทุนและโครงสร้างหนี้ ทั้งของบริษัทและบริษัทย่อยซึ่งดำเนินธุรกิจหลัก เพื่อทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทมีค่ามากกว่าศูนย์ และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติของบริษัทย่อยซึ่งดำเนินธุรกิจหลัก โดยบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทาง ดำเนินการแก้ไข ดังต่อไปนี้
1. เจรจากับเจ้าหนี้ที่สำคัญทั้งหมด เพื่อให้เจ้าหนี้ต่างๆ ระงับการใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้โดยพลัน สนับสนุนแผนการปรับโครงสร้างทุนและโครงสร้างหนี้ของบริษัท รวมถึงให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อวางแผนการบริหารการชำระหนี้ และวางแผนธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
2. จำหน่ายทรัพย์สิน (เช่น หุ้นในบริษัทย่อยที่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจหลักของบริษัท สิทธิเรียกร้องในสัญญาที่สำคัญ) และปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณธุรกิจ เพื่อเพิ่มรายได้และลดต้นทุนคงที่ (fixed cost) และค่าใช้จ่ายของบริษัท
3. เพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในปัจจุบัน หรือพิจารณาหานักลงทุนรายใหม่ เพื่อเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท
4. ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายเพื่อดำเนินการฟื้นฟูกิจการ เพื่อปรับโครงสร้างทุนและโครงสร้างหนี้ของบริษัท รวมถึงให้สิทธิการแปลงหนี้เป็นทุนแก่เจ้าหนี้ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ
ทั้งนี้ ในการจะพิจารณาเลือกแนวทางแก้ไขส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ บริษัทจะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงเงื่อนไขและข้อจำกัดต่างๆ ภายใต้สัญญาทางการเงิน และสัญญาที่สำคัญต่างๆ ความต้องการของตลาดในการเข้าซื้อทรัพย์สินของบริษัทและปัจจัยในการกำหนดราคาที่เกี่ยวข้อง ความร่วมมือและการสนับสนุนของเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้อง การให้การสนับสนุนของผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตลอดจนผลกระทบต่างๆ เพื่อคงไว้ซึ่งคุณสมบัติในการดำรงสถานะของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรักษาประโยชน์สูงสุดของบริษัท ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกรายของบริษัท โดยคณะกรรมการและผู้บริหารชุดปัจจุบันของบริษัทมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะแก้ไขเหตุดังกล่าว เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ภายใต้กรอบของกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และบริษัทจะแจ้งให้ทราบถึงแนวทางดำเนินการแก้ไขเหตุเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน และกำหนดเวลาของการดำเนินการดังกล่าวแก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566.
พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีตกแต่งบัญชีงบการเงิน STARK ซึ่งความเสียหายไม่ต่ำกว่า 34,000 ล้านบาท ว่า มีการประสานกับ ก.ล.ต. เพื่อขอให้รวบรวมข้อมูลพยานและหลักฐานเพิ่มเติม และอาจมีการนัดผู้ตรวจสอบบัญชี เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน เพื่อจะนำมาประกอบการพิจารณาพยานหลักฐานที่ DSI รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ บุคคลที่มีผู้ร้องเรียนให้ดำเนินคดีเบื้องต้นมี 3 คน และคาดว่าจะยังมีคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีก
ส่วนพฤติการณ์ในการกระทำผิด มีอยู่ 3-4 รูปแบบ จุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2563 เช่น การสร้างยอดซื้อขายสินค้าปลอม, การซื้อขายสินค้าที่ไม่มีการจ่ายเงินจริงให้กับผู้ค้า, การสร้างภาพให้ดูมีการชำระหนี้กับการซื้อขายสินค้าปลอม, การชำระเงินภาษี หรือ VAT เพื่อให้ดูว่าเหมือนว่ามีการซื้อขายปกติ ก่อนจะเจอกับปัญหาวิกฤติสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดภาวะหมุนเงินไม่ทัน แต่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน จึงทำการเพิ่มทุน ออกหุ้นกู้เพิ่มจนความเสียหายสูงขึ้นเรื่อยๆ เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ความผิดเกี่ยวกับการทุจริต เบียดบังทรัพย์สิน และแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ตกแต่งบัญชีอันเป็นเท็จ ซึ่งมีโทษทางอาญาจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี ปรับตั้งแต่ 500,000 ถึง 1 ล้านบาท และบางความผิดอาจเข้าข่ายฐาน ยักยอก ที่เป็นโทษตามกฎหมายอาญาด้วย.-สำนักข่าวไทย