รัฐสภา 21 มิ.ย.-“จาตุรนต์” ถือฤกษ์สะดวก รายงานตัวต่อสภาฯ หลังไม่ได้เป็น ส.ส.มา 17 ปี มอง ปม ปธ.สภาฯ หาทางออกที่ดีได้ ปัดตอบแทน ส.ส. เพื่อไทยจะไม่แตกแถว โหวตประธานสภาฯ
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รับรายงานตัวส.ส.ใหม่ เป็นวันสอง ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าเริ่มมีส.ส.ทยอยเดินทางมารายงานตัว อาทิ นายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส. กระบี่ พรรคภูมิใจไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ ส.ส.หนองคาย พรรคพลังประชารัฐ และนางสุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์
โดยนายจาตุรนต์ กล่าวว่า วันนี้ (21 มิ.ย.) ถือฤกษ์สะดวก จะได้มาทำความรู้จักกับสภาฯ เพราะตั้งแต่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ไม่เคยมาสักครั้ง ดังนั้นจึงตื่นเต้นและดีใจ เพราะตนไม่ได้เป็นส.ส. มา 17 ปี ตั้งแต่ปี 2549 เพราะระบบการเมืองผิดเพี้ยน เกิดรัฐประหาร 2 ครั้ง ยุบพรรคการเมือง เพิกถอนสิทธิ์ จึงทำให้ไม่ได้เป็น ส.ส. ดังนั้นครั้งนี้ กลับมาเป็นส.ส.ใหม่อีกครั้ง ในสภาพการณ์ที่แตกต่างจากเดิมมาก ดังนั้นการทำหน้าที่ ส.ส.หลังจากนี้ คงจะทำอะไรได้มากกว่าสมัยก่อน การพูดในสภาฯ เปลี่ยนไปพอสมควร มีการใช้ข้อมูลมากขึ้น ทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ประชาชนทำได้แตกต่างมากกว่าเดิม สามารถทำได้ผ่านสื่อต่างๆ ได้ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องรอตั้งกระทู้ หารือ หรือยื่นญัตติในสภาฯ
“สภาพการเมืองจากนี้ไป ผมเชื่อว่าเข้มข้นในการแก้กฎหมาย ที่สำคัญต้องอยู่ในกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ ที่ส.ส.มีงานที่ต้องทำ ต้องหาข้อมูล และต้องคิด ศึกษาหาความรู้ แม้ผมจะเคยเป็นส.ส.มา 7 สมัย แต่สภาพการณ์ใหม่ต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจและปรับตัวให้มากขึ้นถึงจะทำหน้าที่ได้ตามที่ประชาชนมอบหมาย” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวถึงการจัดปฐมนิเทศ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ช่วงบ่าย วันนี้ (21มิ.ย.) ว่า เป็นการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ให้ ส.ส. นำประสบการณ์เก่าแชร์ ให้กับ ส.ส.ใหม่ ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุจะหารือถึงตำแหน่งประธานสภาฯ นั้น ตนทราบว่าตามวาระเป็นการปฐมนิเทศ ส.ส. เพื่อให้การทำงานทำได้ดีขึ้น ส่วนจะแลกเปลี่ยนความเห็นการเมือง จัดตั้งรัฐบาล คาดว่าจะเป็นการพูดถึง ในระดับแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ให้ผู้ประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้รับฟัง ไม่ใช่การประชุมเพื่อหามติใดๆ ส่วนกรณีที่แชทส.ส.เพื่อไทยที่หลุดนั้น ไม่ทราบ เพราะเท่าที่ตนพูดคุยในไลน์ไม่มีหลุด จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
ส่วนกรณีที่ ส.ส.เพื่อไทยไม่อยากยกตำแหน่งประธานสภาฯ ให้ก้าวไกล นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนเห็นจากข่าวเช่นกัน แต่ไม่ได้มีโอกาสพูดคุย เชื่อว่าวันนี้ มีโอกาสไปฟัง ทั้งนี้ตนได้รับแจ้งจากแกนนำผู้ที่ไปหารือการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อ 3 วันก่อน ว่า พรรคเพื่อไทย เห็นว่าพรรคที่ได้ส.ส.อันดับหนึ่ง ควรจะได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ส่วนพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคอันดับสอง ขอตำแหน่งรองประธานสภาฯ ดังนั้นเชื่อว่า จะมีการหารือในแนวทางอีกครั้ง
“ผมเชื่อว่าทางออกของเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้การลงมติเลือกประธานสภาฯ เป็นการลงมติลับ ดังนั้นไม่ทราบว่าใครลงคะแนนให้ใคร แต่โดยปกติแล้วการลงมติดังกล่าวมีมติจากแต่ละพรรคเพื่อแสดงถึงทิศทางเดียวกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าพรรคมีนโยบายจุดยืนไปในทิศทางใด ดังนั้นเชื่อว่าจะหารือกัน และดำเนินการไปตามมติพรรค นอกจากนั้นต้องคำนึงถึงความสำเร็จของการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากหาจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะทำให้กลายเป็นเสียงข้างน้อยในสภาฯ ทำให้ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของประชาชน และอาจจะได้รัฐบาลที่ไมมีความชอบธรรม ดังนั้นควรยึดการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยเป็นอันดับแรก ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อมีการพูดคุยแล้วจะมีทิศทางที่ดี” นายจาตุรนต์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ปรากฎข่าวว่าจะมีพรรคอื่นเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แข่งกับคนของพรรคก้าวไกล ชิงตำแหน่งประธานสภาฯ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง เพราะได้ข่าว เป็นแบบกึ่งๆ ข่าวลือ ดังนั้นตนเชื่อว่าพรรคการเมืองจะหารือเพื่อเป็นประโยชน์และส่งเสริมการจัดตั้งรัฐบาล จึงควรยึดเป็นเรื่องหลัก
ส่วนการลงคะแนนในตำแหน่งประธานสภาฯ ของ ส.ส.เพื่อไทยจะไม่แตกแถวใช่หรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็น ส.ส.คนหนึ่ง แต่ต้องพยายามช่วยกัน เพื่อให้ไปด้วยกัน เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทางการเมืองแม้ว่า การลงมติจะเป็นเอกสิทธิ์ และลงมติลับ แต่ความเป็นพรรคการเมืองที่ประกาศอะไรกับประชาชนการดำเนินการควรไปในทิศทางเดียวกัน.-สำนักข่าวไทย