กรุงเทพฯ 2 พ.ย.- อัยการสูงสุดร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องเทคนิคขั้นสูงในการสืบสวนสอบสวนและการนำเสนอพยานหลักฐาน
ร้อยตำรวจตรีพงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องเทคนิคขั้นสูงในการสืบสวนสอบสวนและการนำเสนอพยานหลักฐาน โดยมีพนักงานอัยการ ตำรวจ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวม 56 คน เข้าร่วมการอบรม โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานอัยการเขตลอสแอนเจลิสเคาน์ตี้เป็นผู้บรรยาย
นายคริส ออปเพ็นบอร์น (Chris Oppenborn) อัยการลอสแอนเจลิสเคาน์ตี้ ระบุว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมอบรมในวันนี้ แต่ขณะนี้คนไทยยังอยู่ในความโศกเศร้าและความสูญเสีย จึงขอยืนสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก่อนการร่วมอบรม
ด้านร้อยตำรวจตรีพงษ์นิวัฒน์ กล่าวว่าสำนักงานอัยการสูงสุด โดยสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ได้ร่วมกับฝ่ายความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฏหมายและยาเสพติดสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยจัดอบรมขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพของอัยการ และเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การรวบรวมพยานหลักฐานดิจิทัล รวมถึงการติดตามเส้นทางการเงินของผู้กระทำผิดที่มีการเปลี่ยนรูปแบบตลอดเวลา พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน
ส่วนจะเกี่ยวข้องกับคดีของพระธัมมชโยด้วยหรือไม่ ร้อยตำรวจตรีพงษ์นิวัฒน์ ยืนยันว่าจะนำข้อมูลที่ได้รับมาใช้ประโยชน์กับทุกคดี ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีอุปสรรคเกี่ยวกับระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ที่อาจถูกลบทิ้ง ทำให้การทำงานยุ่งยากมากขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลจากต่างประเทศที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศต่างๆ ซึ่งหากบางกฎหมายเป็นความผิดเฉพาะ เช่นคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ส่วนใหญ่ความผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร แต่ต่างประเทศไม่มีกฎหมายรองรับก็ไม่เข้าข่ายเงื่อนไขส่งผู้ร้ายข้ามแดน และในการอบรมไม่มีการนำฐานความผิดนี้มาหารือ เนื่องจากเป็นความผิดเฉพาะ.-สำนักข่าวไทย