ทำเนียบรัฐบาล 30 พ.ค.-นายกฯ เผยสถานะการเงินไทยแข็งแกร่ง ย้ำจะทำหน้าที่รักษาการให้ดีที่สุด ไม่เกี่ยวตั้งรัฐบาลใหม่ ขอให้คำนึงถึงความเชื่อมั่น ตปท. ถ้าทำเสียหายถือว่าพ้นจากตำแหน่งแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (30 พ.ค.) รับทราบการรายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ไตรมาสแรกของปี 2566 การจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ดีขึ้น อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.05 และหนี้ครัวเรือนชะลอตัวลง จากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ความสามารถในการชำระหนี้ยังทรงตัว ขณะที่การบริหารงานรัฐวิสาหกิจ 43 แห่ง สิ้นเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ 94,834 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 109 ของการเบิกจ่าย คิดเป็นร้อยละ 35 ของกรอบรัฐธรรมนูญทั้งปี
“ในรายละเอียดมีการเบิกจ่าย ใช้งบลงทุนถึง 34 แห่ง 7 เดือนแรกมีมูลค่า 62,997 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 107 ของแผนการเบิกจ่าย และคิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 51 ของกรอบการลงทุนทั้งปี ส่วนการเบิกจ่ายการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 9 แห่ง 31,838 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 113 ของแผนการเบิกจ่าย คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 21 ของกรอบงบลงทุนทั้งปี ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นแผนการบริหารงานของรัฐบาลมาโดยตลอด ทั้งเรื่องงบลงทุนและการต่างประเทศ ซึ่งติดต่อประสานการลงทุนเป็นไปตามกรอบของยุทธศาสตร์ชาติร่วมกับหลายประเทศ แต่ยังไม่ได้สรุปมาให้รับทราบ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกรณีที่วิเคราะห์สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางด้านการเมืองและการคลัง ภายหลังการเลือกตั้ง และมีปัจจัยการฉุดรั้งความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระยะสั้น มีความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ถูกจับตาอยู่ แต่ความน่าเชื่อถือของไทยยังได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยสถานการณ์ทางการเงินต่างประเทศที่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งมีกรอบนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่มีประสิทธิภาพ การฟื้นตัวการบริโภคของภาคเอกชนและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งดีที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปัจจุบัน จึงขอให้ติดตามดูต่อไป เพราะทุกอย่างกำลังดีขึ้นและดีทั้งหมด
“ในส่วนของอัตราเงินบาทมีการอ่อนค่าลงเล็กน้อย คิดเป็นอัตราอยู่ที่ร้อยละ 0.57 อยู่ที่ 34.66 บาท แต่หลักทรัพย์ก็เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,530 จุด ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แต่ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ทำมาด้วยดี จึงขอชมเชยในส่วนของกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้บริหารงานต่าง ๆ มาด้วยความเรียบร้อย ทำให้สถานะทางการเงินยังแข็งแกร่งทุกอย่าง ขณะที่ต่างประเทศพบว่ามีปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ในโซนเอเชียยังมีปัญหาอยู่ ส่งผลทำให้ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นหลายตัวและมีลดลงบ้าง ถือเป็นเรื่องธรรมดา เป็นไปตามสถานการณ์โลก” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนจะช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นอย่างไรในการจัดตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ บอกไปหลายครั้งแล้วว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองคือการเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องทางการเมืองก็ว่ากันไป ส่วนเรื่องความมั่นใจของนักลงทุนในช่วงระหว่างที่ยังไม่ตั้งรัฐบาลใหม่ เมื่อใครจะเป็นรัฐบาลใหม่ก็ต้องคำนึง และให้ความสนใจเรื่องนี้ด้วย ถ้าเกิดเสียหายขึ้นมาก็ถือว่าพ้นหน้าที่ของตนไปแล้ว เพราะตนได้ทำไว้แล้ว.-สำนักข่าวไทย