กรุงเทพฯ 29 พ.ค.-เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.77 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือน นักวิเคราะห์ชี้จับตาทิศทางการเมืองในประเทศ เพดานหนี้สหรัฐ และการประชุม กนง. 31 พ.ค.นี้
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าเงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งที่ 34.89 ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับ 34.82-34.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (เวลา 9.25 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามภาพรวมของสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อ PCE/Core PCE เดือนเม.ย. ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด ซึ่งหนุนโอกาสของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม FOMC เดือนมิ.ย. นี้ (และกระตุ้นให้ตลาดปรับลดโอกาสความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของปีลงตามไปด้วยเช่นกัน) อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงรอติดตามกระบวนการโหวตร่างกฎหมายการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสภาคองเกรสในช่วงกลางสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.70-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่สถานการณ์การเมืองในประเทศ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ทั้งนี้ วันนี้ตลาดการเงินสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day ขณะที่ตลาดการเงินของอังกฤษปิดทำการเนื่องในวัน Bank Holiday
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และแรงซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านสำคัญแถว 34.80 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าระดับดังกล่าวอาจเห็นผู้เล่นบางส่วนขายทำกำไรสถานะ Short THB ได้บ้าง โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่า เฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ส่วนสัปดาห์นี้ ควรจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ข้อมูลตลาดแรงงาน และรอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ( กนง.) ซึ่งประเมินว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 2.00% จากแนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจ ภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่แม้จะชะลอลง แต่ก็ยังสูงกว่าค่ากลางของกรอบเป้าหมาย โดยประเมินแนวโน้มของค่าเงินบาทว่าปัจจัยหลักยังคงเป็นทิศทางเงินดอลลาร์และราคาทองคำ และมีโอกาสเห็นนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อบอนด์ไทยหลังรับรู้ผลการประชุม กนง. ขณะที่แรงซื้อหุ้นไทยอาจยังไม่ชัดเจน จนกว่าความเสี่ยงการเมืองในประเทศจะลดลง อนึ่ง หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุแนวต้านโซน 34.80 บาทต่อดอลลาร์ ก็อาจอ่อนค่าเร็วไปสู่โซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.40-35.00 บาท/ดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.85 บาท/ดอลลาร์
ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินบาทของไทยเสี่ยงเผชิญการอ่อนค่าทำนิวโลว์ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ไม่น่าจะช่วยสกัดการอ่อนค่าดังกล่าวได้
นายเจฟฟรี จาง นักกลยุทธ์ตลาดเกิดใหม่บริษัทเครดิต อะกริโคล ซีไอบีประจำฮ่องกง ระบุว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อจากอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของไทย ทำให้กองทุนต่างชาติแห่เทขายหุ้น และตราสารหนี้ของไทย ซึ่งถ่วงค่าเงินบาท โดยข้อวิตกกังวลสำคัญที่สุดสำหรับตลาดเงินบาทในขณะนี้ ยังคงเป็นประเด็นที่ว่ากลุ่มพรรคพันธมิตรที่นำโดยพรรคก้าวไกลจะได้เสียงสนับสนุนจากวุฒิสภามากพอสำหรับเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือไม่ ส่วนอีกปัจจัยเสี่ยงนั้นคือจีน ซึ่งโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เงินหยวนมีแนวโน้มทรุดตัวลงอีก ขณะที่นักลงทุนจะจับตาดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของจีนที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันเดียวกับการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. เพื่อพิจารณาว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ยังคงเปราะบางหรือไม่
นายกาลวิน เชีย นักกลยุทธ์ปริวรรตเงินตราตลาดเกิดใหม่ของบริษัทแนตเวสต์ มาร์เก็ตส์ในสิงคโปร์ ระบุ จีนเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย และเป็นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ดังนั้นค่าเงินบาทจึงค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเคลื่อนไหวของเงินหยวน.-สำนักข่าวไทย