สภาพัฒน์เสนอรัฐบาลใหม่เร่งอัดเงินลงทุน    

กรุงเทพฯ 15 พ.ค.- สภาพัฒน์ เสนอรัฐบาลใหม่ แนะรัฐวิสาหกิจอัดเงินลงทุน 4 แสนล้านบาท รักษาบรรยากาศการลงทุน สร้างความเชื่อมั่นต่างชาติ เป็นห่วงการส่งออกสินค้าอาการหนัก ย้ำรักษาวินัยการคลังดึงเครดิตประเทศ 


นายดนุชา  พิชยนันท์  เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า   ภาระกิจสำคัญของรัฐบาลชุดใหม่ ต้องหาทางฟื้นฟูการส่งออกในปี 66 คาดว่าหดตัวร้อยละ -1.6 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว นับเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในการหาตลาดใหม่ทดแทน  การรักษาบรรยากาศการลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ  โดยเฉพาะแนวทางส่งเสริมการลงทุน การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยายนต์ไฟฟ้า หากรัฐบาลใหม่กำหนดชัดเจน จะดึงดูดการลงทุนไม่เบนเข็มหนีไปลงทุนประเทศอื่นแทน 

สำหรับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 67 ที่ยังล่าช้าในช่วงการเลือกตั้ง มีอยู่ 2 ทางเลือก คือ แนวทางแรกรัฐบาลใหม่ นำกรอบงบประมาณเดิม 3.55  ล้านล้านบาท หลังจาก 4 หน่วยงานหลัก คลัง ธปท. สภาพัฒน์ สำนักงบประมาณจัดทำเอาไว้แล้วเบื้องต้นนำมาปรับปรุงเล็กน้อย เพื่อเร่งขับเคลื่อนเงินลงทุน  แนวทางที่สอง รัฐบาลนำมาพิจารณาทบทวนทั้งหมด เพื่อประเมินรายได้ รายจ่าย รองรับการหาเสียง  ยอมรับว่า การคาดการณ์ปัจจัยต่างๆ ไม่ต่างจากเดิมมากนัก เพราะมีข้อจำกัดหลายด้าน แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่จะเลือกแนวทางไหน เพราะส่วนหนึ่งต้องใช้เงินตามนโยบายที่หาเสียงไว้  สศช. ประเมินจากขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาล คาดว่า งบประมาณลงทุนปี 67 จะอัดเงินเข้าระบบได้ในไตรมาสแรกปีหน้า 


 ในช่วงการรอเงินลงทุนประมาณรายจ่าย  จึงต้องใช้งบลงทุนจากรัฐวิสาหกิจมาอัดฉีดเงินออกสู่ระบบแทน ผ่านการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ใช้งบลงทุนในโครงการขนาดใหญ่  เมื่อทุกรัฐวิสาหกิจเตรียมขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างเอาไว้ เพื่อเสนอ ครม.ใหม่พิจารณาช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม คาดจะมีเงินลงทุนสู่ระบบปลายปีได้ประมาณ 2 แสนล้านบาท  ขณะที่รัฐวิสาหกิจจัดทำงบตามปีปฏิทิน เสนอบอร์ดรัฐวิสาหกิจพิจารณาเงินลงทุนและ ครม.ชุดใหม่ได้ช่วงปลายปี 66 คาดว่าเงินออกสู่ระบบได้ 2 แสนล้านบาท เพื่อรอเงินลงทุนจากงบประมาณรัฐบาลที่ยังล้าช้า จากการจัดการเลือกตั้ง 

นายดนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายหาเสียง ในการเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ ทั้งการเพิ่มค่าแรง การเพิ่มต้นทุนด้านต่างๆ อาจทำให้ผู้ประกอบการต้องผลักภาระไปยังราคาสินค้าเพิ่ม ส่งผลไปยังอัตราเงินเฟ้อเพิ่ม นักลงทุนต่างชาติอาจต้องคิดหนัก ดังนั้น จึงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ  ยืนยันว่าเศรษฐกิจผ่านวิกฤติเร่ิมฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 แล้ว  ซึ่งหลายประเทศต้องกู้เงินมาเยียวยาเหมือนกับไทย จากนี้ไป ต้องจัดทำนโยบายการเงิน การคลัง นำไปสู่การจัดทำงบประมาณแบบสมดุล หากปล่อยให้ขาดดุลงบประมาณเป็นเวลานาน สถานบันระหว่างประเทศจับตาอยู่ อาจกระทบต่อการจัดอันดับเครดิตประเทศ ส่งผลไปยังการกู้เงิน และกระทบอีกหลายด้าน 

รัฐบาบชุดใหม่ ยังต้องมุ่งก้าวข้ามปัญหากับดักรายได้ปานกลางของไทย ทั้งการยกระดับพัฒนาฝีมือแรงงาน การให้สวัสดิการรายย่อย ต้องหาทางส่งเสริมการสร้างรายได้ อาชีพเสริม การช่วยเหลือแบบตรงเป้าหมาย เพื่อให้ผู้รับสวัสดิการ หลุดพ้นจากการรับเงินช่วยเหลือเดิมๆ ไม่งั้น จะต้องจัดสรรงบประมาณดูแลเยียวยาไปเรื่อยๆ กระทบต่องบประมาณจำนวนมาก กระทบฐานะการคลังระยะยาว  อนาคตข้างหน้ายังมีปัญหาเศรษฐกิจโลก ความขัดแข้งระหว่างประเทศ ไทยจึงต้องทำให้ฐานะมั่นคงแข็งแรงรองรับปัญหาต่างๆได้ในอนาคต 


สำหรับเศรษฐกิจไตรมาสแรกปี 66  ขยายตัวร้อยละ  2.7 ลดจากเดิมไตรมาสแรกปีก่อนขยายตัวร้อยละ 4  การส่งออกชะลอตัวร้อยละ -4.6 ทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวร้อยละ -3.1 ยังมีปัจจัยบวกจากการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 5.4 การลงทุนขยายตัวร้อยละ  3.1   ภาคเกษตรยังขยายตัวร้อยละ 7.2  สาขาการเข้าพักแรมและบริการอาหาร เติบโตร้อยละ 34.4 ส่วนการอุปโภคภาครัฐหดตัวร้อยละ -6.2    เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ   อัตราเงินเฟ้อไตรมาสแรกร้อยละ 3.9   ยังมีสนับสนุนจาการขยายตัวของการบริโภค   สภาพัฒน์ จึงปรับจีดีพีค่ากลางจากร้อยละ 2.6 เพิ่มเป็นร้อยละ 2.7  ภายใต้กรอบขยายตัวร้อยละ  2.7 -3.7  คาดการณ์นักท่องเที่ยว 28 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.27 ล้านล้านบาท.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

ตึกถล่ม

วันที่ 6 ปรับแผนใช้เครนยักษ์ยกปูนค้นหา 72 ชีวิต

เข้าสู่วันที่ 6 ทีมงานกู้ซากตึกถล่ม ปรับแผนค้นหา 72 ชีวิต ด้านญาติผู้สูญหายยังคงรอความหวัง บางส่วนจุดธูปปักลงดิน ขอแม่ธรณีเปิดทางช่วยทุกคนรอดชีวิต

นายกฯ เยี่ยมญาติตึกถล่ม

นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจญาติผู้ประสบภัยตึกถล่มที่ศูนย์พักคอย

นายกฯ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจญาติผู้ประสบภัยตึกถล่มที่ศูนย์พักคอย “ขอให้ดูแลตัวเอง อย่าพึ่งป่วย”

กิจการร่วมค้าซีไอเอส

สั่งฟัน “กิจการร่วมค้าซีไอเอส” จ่อยกเลิกสัญญาจ้างสร้างเทอร์มินัลใหม่

“มนพร” รมช.คมนาคม สั่งฟัน “กิจการร่วมค้าซีไอเอส” เตรียมยกเลิกสัญญาจ้างสร้างเทอร์มินัลใหม่ “สนามบินนราธิวาส” พร้อมขึ้นแบล็คลิสต์เป็นผู้ทิ้งงาน ห้ามรับงานภาครัฐ หลังพบสร้างช้ากว่าแผน 60.76% งานอืดรวม 631 วัน มอบ ทย. ลุยตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ จี้ให้รายงานกลับมาภายใน 3 วัน ยันทุกโปรเจกต์ต้องผ่านมาตรฐาน-การตรวจเช็กจากวิศวกร

จำคุกชาวจีน

ศาลสั่งจำคุก 4 ชาวจีน ขนเอกสาร ตึก สตง.ถล่ม

ศาลพิพากษาจำคุก 4 ชาวจีน เข้าไปขนเอกสาร จากพื้นที่ อาคาร สตง. ถล่ม คนละ 2 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี