ก.คลัง 30 ม.ค. – “พิชัย” รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่อมผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจ คาดกองทุนโครงสร้างฟื้นฐาน ชัดเจนภายในปี 68 รองรับค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย แนะตั้งไข่คาร์บอนเครดิต
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายให้กับกรรมการรัฐวิสาหกิจ กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง และผู้บริหารรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ ว่า ทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ 16 ล้านล้านบาท นับว่าใหญ่มาก สร้างรายได้ 3-4 ล้านล้านบาทต่อปี หรือมีผลตอบแทนร้อยละ 2 ของทรัพย์สิน ดังนั้นการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจท่ามสถานการณ์เปลี่ยนแปลงค่อนข้างผัวผวนสูง โดยเฉพาะข้อกำหนดเงื่อนไขต่างๆ เช่น CBAM ของสหภาพยุโรป อาจทำให้ต้นทุนการส่งออกสูงขึ้น ขณะที่ OECD ต้องการให้รัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนองค์กรยึดหลักมั่นคง ยั่งยืน จึงต้องมาช่วยกันจัดทำแผนระยะเวลา 3-5 ปี หรือระยะยาว 10-20 ปี รองรับระเบียบโลกใหม่
ไทยจึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องคาร์บอนเครดิต นับเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการซื้อขายในตลาดอย่างจริงจัง เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้เริ่มจัดซื้อคาร์บอนเครดิต จากการผลิตสินค้าดูแลสิ่งแวดล้อม การดูแลด้าน ESG เพราะกระแสโลกในปัจจุบัน เริ่มคำนวณสินค้าที่เราผลิต ต้องลดคาร์บอนปริมาณเท่าใด หรือต้องหาสิ่งมาทดแทนกับสิ่งที่ปล่อยคาร์บอนออกไปอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาคำนวณในตลาดการค้ายุคใหม่ เช่น การสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 1,000 เมกกะวัตต์ เทียบกับการลดคาร์บอนเครดิต 2 ล้านตันคาร์บอน สามารถออกเป็นโทเค่น นำไปขายในตลาดกลาง นับว่าเทรดได้แล้วในปัจจุบัน เช่น สิงคโปร์ ราคา 32 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันคาร์บอน ขณะที่เมืองไทยขายในราคา 4 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันคาร์บอน แต่ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง เพื่อให้ต่างชาติเห็นความตั้งใจ
ในส่วนของการนิคมอุตสหากรรมฯ ต้องจัดเตรียมหาพื้นที่รองรับเข้ามาขยายการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เพราะขณะนี้สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศอย่างมาก เพราะไทยมีปริมาณไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ มีระบบน้ำสมบูรณ์ โลจิสติกส์พร้อมทุกด้าน รัฐบาลจึงต้องผลักดันกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน IFF (Infrastructure Fund: IFF) ทำให้เกิดขึ้นชัดเจนภายในปี 68 นี้ มูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท นำร่อง จากระบบขนส่งรถไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้รองรับการกำหนดค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ดึงดูดให้เอกชน หรือนักลงทุนต่างชาติมาร่วมลงทุน เนื่องจากเป็นกองทุนระยะยาว 30 ปี แม้ในช่วงแรก 8 ปี จะเห็นตัวเลขติดลบ จากนั้น 8 ปีขึ้นไป ผลตอบแทนเป็นบวกร้อยละ 5-9 เมื่อคำนวณให้เห็นผลชัดเจน ในช่วงสภาพคล่องทั่วโลกล้นตลาด ยังไงนักลทุนก็สนใจเข้ามาลงทุนผ่านกองทุน IFF
ในอีกด้านหนึ่ง กระทรวงการคลัง ต้องการให้รัฐวิสาหกิจ ร่วมกันผลักดัน เร่งรัดการลงทุนรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย รองรับการขนส่งสินค้าจากจีน- สปป.ลาว-หนองคาย-โคราช -กรุงเทพฯ-เชื่อมลงไปยังภาคใต้ ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิคและอันดามัน เมื่อทุกฝ่ายร่วมกันผลักดันให้เกิดขึ้น นักลงทุนต่างชาติจะมองเห็นความสำคัญว่าไทยเป็นแม่เหล็กและศูนย์กลางการขนส่งด้้านโลจิสติกส์ สิ่งเหล่านี้ ต้องร่วมกันผลักดันให้เกิดขึ้น. -515-สำนักข่าวไทย