นีงาตะ 13 พ.ค.- รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือจี 7 (G7) ประกาศวันนี้ว่า จะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรับประกันเสถียรภาพการเงินโลก หลังจากเกิดกระแสวิตกเรื่องผลกระทบที่จะติดตามมาจากการที่ธนาคารในสหรัฐปิดกิจการหลายแห่ง
รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจี 7 ออกแถลงการณ์ร่วมหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมเป็นเวลา 3 วันที่เมืองนีงาตะของญี่ปุ่น ย้ำถึงความจำเป็นของการแก้ไขช่องว่างเรื่องข้อมูล การกำกับดูแล และระเบียบในระบบการธนาคาร หลังจากที่ได้พิจารณาความเสี่ยงของแอปพลิเคชันสนทนาและธุรกรรมออนไลน์ที่มีคนใช้งานอย่างกว้างขวางและถูกกล่าวโทษว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการแห่ถอนเงิน จี 7 จะประสานงานกับหน่วยงานด้านการกำกับดูแลและออกกฎระเบียบอย่างใกล้ชิดในการติดตามสถานการณ์ภาคการเงิน และพร้อมดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาเสถียรภาพและความยืดหยุ่นของระบบการเงินโลก
แถลงการณ์ร่วมระบุว่า จี 7 จะริเริ่มความร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนาภายในสิ้นปีนี้เรื่องทำให้ห่วงโซ่อุปทานมีความแข็งแกร่ง ซึ่งหมายถึงประเทศนอกกลุ่มอย่างจีน ความเป็นหุ้นส่วนดังกล่าวมีชื่อว่า ไรส์ (RISE) ย่อมาจากคำว่า การเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานแบบยืดหยุ่นและครอบคลุม (resilient and inclusive supply-chain enhancement) มีเป้าหมายให้ประเทศรายได้น้อยและปานกลางมีบทบาทมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานการผลิตสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการลดการปล่อยคาร์บอน และส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศไปในเวลาเดียวกัน
แถลงการณ์ร่วมยังเรียกร้องให้รัสเซียยุติการทำสงครามผิดกฎหมายต่อยูเครนโดยทันที เพื่อขจัดความไม่แน่นอนใหญ่ที่สุดประการหนึ่งที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี จี 7 เห็นว่าเศรษฐกิจโลกยังคงมีความยืดหยุ่นแม้เผชิญกับเรื่องไม่คาดคิดหลายเหตุการณ์ ทั้งโควิด-19 ระบาด สงครามในยูเครน เงินเฟ้อสูง และพร้อมจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่คล่องตัวและยืดหยุ่นหากมีความจำเป็น.-สำนักข่าวไทย