กรุงเทพฯ 7 เม.ย.- นักเศรษฐศาสตร์ แนะการโอนดิจิทัล ต้องมาจากงบประมาณ การหารายได้ไม่ควรกู้เพิ่ม ยอมรับรายย่อยใช้จ่ายเกิดเงินหมุนเวียนในชุมชนเพิ่ม 6 เท่า
ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการและกรรมการตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีพรรคการเมือง ออกนโยบายหาเสียง ด้วยการใช้เงินจำนวนมากจ่ายให้รายย่อย อย่างเช่น พรรคเพื่อไทย ชูนโยบาย digital Wallet ด้วยการเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล 10,000 บาท ในมือถือทุกคน ให้กับ ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป กำหนดให้ใช้จ่ายได้ในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ตามบัตรประชาชน และต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน
นายอนุสรณ์ มองว่า นโยบายโอนเงินให้ประชาชนผ่าน Digital Wallet จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 3 ล้านล้านบาท หากโอนเงินให้ประชากร 10,000 บาทต่อคนจำนวน 50 ล้านคน คิดเป็นเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาท หากซื้อขายหมุนเวียน 6 รอบ จะเกิดตัวทวีคูณทางการคลังเพิ่ม 6 เท่า
ยอมรับว่า การเงินโอนดิจิทัล ต้องจัดสรรมาจากงบประมาณจากการหารายได้ หรือจัดสรรจากการปรับลดงบประมาณส่วนอื่นที่ไม่จำเป็นมาใช้ ไม่ควรนำมาจากการกู้เงินอื่น หรือทำการก่อหนี้สาธารณะเพิ่มเติม เพราะหากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโตต่ำกว่า จะสร้างปัญหาฐานะการคลังได้ในอนาคต การใช้ส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายในลักษณะแบบ Digital Wallet จำเป็นต้องกำหนดระยะเวลาในการใช้เพื่อให้เกิดการซื้อขายในตลาดรอง เป็นการเพิ่มปริมาณเงินในระบบ ควรเป็นหน้าที่ของแบงก์ชาติ ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการดำกับดูแลและขับเคลื่อน Digital Wallet .-สำนักข่าวไทย